ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
ที่มา
---------------------------------------------
23 ตุลาคม 2564 วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะกรรมการ มูลนิธิพระบรมราชานุสวรีย์รัชกาลที่ ๕ ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการ ผมไปทำหน้าที่รอต้อนรับท่านองคมนตรี ผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในพิธีวางพวงมาลา หน้าพระบรมราชานุสวรีย์
จากนั้นมีพิธีมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาระดับต่างๆจากมูลนิธิฯ อันเป็นประเพณีประจำทุกปีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาร่วม30ปีต่อเนื่องกันครับ
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา
รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา
ที่มา https://www.facebook.com/Weerasak-Kowsurat
---------------------------------------------
วันที่ 18 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 นาฬิกา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ร่วมบันทึกรายการ “เกาะติดวุฒิสภา” (โฟนอิน) ในประเด็น “สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง วาระใหญ่ของโลกที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา”
โดยกล่าวว่า ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลกที่เกิดขึ้น กลายเป็นวาระใหญ่ที่สำคัญที่สุดที่ผู้นำทุกประเทศได้นำมาเป็นประเด็นหลักของการประชุมระดับโลก เนื่องจากปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินการด้านอื่น ๆ ในการพัฒนาประเทศ อาทิ ปัญหาภูเขาน้ำแข็งละลายในขั้วโลกที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในมหาสมุทร และกลายเป็นปัญหาน้ำทะเลจะยกตัวเข้าท่วมสูงในหลายพื้นที่ของโลก ปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น หรือที่เรียกว่า “ภาวะเรือนกระจก” โดยสหประชาชาติได้ระบุว่า ในปี ค.ศ. 2030 ประเทศที่พัฒนาแล้วจะต้องยุติการปล่อยก๊าซที่เป็นของเสียต่ออากาศและหันมาใช้พลังงานสะอาดให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนานั้น แม้จะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือใช้พลังงานจากฟอสซิลที่น้อยกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการเช่นกัน เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างยั่งยืน มิเช่นนั้นก็จะนำมาซึ่งการกีดกันทางการค้าการลงทุนต่อไปได้
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขและนำปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมาเป็นโอกาสในการสร้างรายได้และพัฒนาประเทศให้ไทยและจะได้มีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการชะลอการเกิดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนด้วยวิธี “3 ลด 1 เร่งและเพิ่ม” คือ ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลและหันมาใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้า ลดการขนส่งที่ใช้พลังงานอย่างไม่จำเป็นและใช้การขนส่งที่ลดมลภาวะร่วมกัน ลดการใช้ปุ๋ยเคมีในภาคการเกษตร และเพิ่มการปลูกต้นไม้ในเมือง ชุมชน เพิ่มพื้นที่ให้ป่าไม้ยืนต้น และเร่งการปลูกป่าโกงกางเพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสามารถช่วยลดการเกิดภาวะเรือนกระจกได้
ทั้งนี้ หากประเทศไทยสามารถพลิกโอกาสจะยิ่งสามารถดึงดูดทุนจากต่างประเทศ ที่สนใจเรื่องพลังงานสะอาดให้หันมาสนใจลงทุนในไทยมากขึ้น และยังสามารถทำให้ประเทศไทยส่งออกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัยซึ่งกำลังจะเป็นสินค้าที่คนทั่วโลกต้องการมากที่สุดในอนาคตได้อีกด้วย
สามารถติดตามรับฟังรายการ "เกาะติดวุฒิสภา " ได้ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา FM 87.50 MHz และ 14 เครือข่ายทั่วประเทศ และช่องทางสื่อออนไลน์วุฒิสภา ในวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลา 11.00-12.00 นาฬิกา
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา
รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา
ที่มา https://www.facebook.com/Weerasak-Kowsurat
---------------------------------------------
"...สิ่งที่ยังสามารถพัฒนาต่อในไทย จึงอยู่ที่เรื่องนโยบายที่ตรงประเด็น การวางโครงสร้างที่สามารถก้าวข้ามความซับซ้อนของระเบียบที่ต่างหน่วยต่างทำ ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยที่ทั้ง ภาคราชการ องค์กรที่กำกับพื้นที่ ผู้สร้างระเบียบกติกา จะพึงมี..."
..................................
ปฏิบัติการกู้ภัยช่วย 13 ชีวิตเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ ที่เกิดขึ้นเพียงสองปีก่อนโควิดระบาด ได้ทำให้ความน่าสัมผัสของถ้ำเจิดจ้าขึ้นอย่างสำคัญ คนไทยเองก็ตื่นตัวอยากรู้จักถ้ำมากขึ้น การท่องเที่ยวป่าเขา และถ้ำจึงได้รับการสนใจทั้งจากตลาดภายใน และจากภายนอกประเทศอย่างไม่ต้องเสียค่าโฆษณา แม้สมมุติโควิดผ่านไปแล้ว ก็จะยังมีคนเมืองจำนวนมากที่ยังไม่สะดวกใจไปเที่ยวนอกประเทศ แต่อยากออกจากเมืองไปเปลี่ยนบรรยากาศ ป่าเขา และเทือกถ้ำไทย อาจจะได้ผู้มาเยือนหน้าใหม่แยะกว่าเดิม ดีที่การได้พักฟื้นของธรรมชาติในช่วงล็อกดาวน์ของโลก ทำให้กลไกธรรมชาติพอได้พัก ไม่ต้องผจญกับการบุกไปเหยีบย่ำของมนุษย์เท่าเดิม
กรณีตัวอย่างคือหาดทรายหลายแห่งมีปูมีเต่ากลับมาปรากฎตัวมากขึ้น เพราะหลายปัจจัย เมื่อหาดทรายไม่ถูกนักท่องเที่ยวจำนวนมากๆรบกวนทุกวันจนเกินความสามารถในการรองรับ ทรายบนหาดที่เคยถูกย่ำบดอัดก็เริ่มคลายตัวปรับฟื้นตนเองขึ้นมาใหม่ สัตว์เล็กๆที่อาศัยหากินหาอยู่ใต้พื้นทรายจึงทยอยปรากฏขึ้นมา
ถ้ำเองก็เช่นกัน ไขมันจากนิ้วมือที่จับต้องผิวผนังถ้ำ ลมหายใจและไออุ่นจากตัวคนที่เข้าถ้ำจำนวนมากเกินไปก็สามารถเปลี่ยนระบบนิเวศน์ในถ้ำได้ การใช้ไฟส่องสว่างที่ไม่ถูกต้องกระทบความชื้นที่เคยลงตัวในบางโถงได้ นี่ยังไม่นับถึงความสึกกร่อนในจุดเปราะบาง หรือที่ร้ายกว่าคือการขีดเขียน จารึก บนต้นไม้บนหินที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเส้นทางเรียนรู้ธรรมชาติ
ตลอดจนการใดๆที่ไม่เคารพต่อความเชื่อของชาวท้องถิ่น
โอกาสและความท้าทายเหล่านี้จะกลับมาเริ่มวนใหม่ ถ้าเราไม่เตรียมทั้งนโยบาย และการเรียนรู้ชุดใหม่ที่จะต้องใช้ในไม่ช้า
ช่วงการระบาดของโควิด19จึงทอดเวลาให้เราสามารถทำการบ้านได้รอบคอบ และครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากไทยจะมีถ้ำอยู่เป็นจำนวนมากกว่าที่คนไทยตระหนัก ด้วยตัวเลขหลักหลายๆพันๆแห่ง กระจายอยู่ในทุกภาคของประเทศ
บางแห่งอยู่ติดถนน4เลน8เลนด้วยซ้ำ แต่ส่วนมากจะอยู่ห่างเส้นทางหลักเข้าไป
ถ้ำบางแห่งอยู่ในเขตป่าบ้าง เขตวัดบ้าง อยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์บ้าง อยู่ในอุทยานบ้าง อยู่ในแหล่งโบราณคดีบ้าง อยู่ในพื้นที่อบต. เทศบาลบ้าง อยู่ในพื้นที่ทหาร อยู่บนเกาะ อยู่ติดหาดทราย หรืออยู่ใต้น้ำที่มีอิทธิพลจากน้ำขึ้นน้ำลงบ้าง อยู่ตามคุ้งแม่น้ำบ้าง บางแห่งถ้ำอยู่บนที่ราบก็มี
การที่ผมและท่านพลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์เห็นร่วมกันในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าประเทศไทยน่าจะมีคณะกรรมการนโยบายและบริหารถ้ำแห่งชาติ หลังเหตุการณ์กู้ภัยในถ้ำหลวงจบลงนั้น ก็เพราะเราได้รับทราบทั้งศักยภาพและความท้าทายที่ถ้ำไทยมี
และเพราะมีหน่วยเจ้าของถ้ำอย่างหลากหลายนี่แหละ ที่ทำให้การมีคณะกรรมการระดับชาติที่ครม.ตั้ง จะช่วยให้ทุกหน่วยมาร่วมทำงานกันถนัดขึ้น
ประกอบกับเมื่อได้รับการยืนยันจากทีมกู้ภัยในถ้ำชาวต่างประเทศ และทีมปีนเขาโรยตัวที่เข้าร่วมปฏิบัติการในการลำเลียงเด็กๆออกจากจุดน้ำท่วมอันตรายลึกเข้าไปหลายกิโลเมตรจากปากถ้ำ ว่าพวกเขาเคยเห็นถ้ำมาแล้วในทั่วโลก แต่พวกเขายืนยันว่า ความน่าอัศจรรย์ของถ้ำไทย เมื่อประกอบกับความมีไมตรีในวัฒนธรรมท้องถิ่น ความมีรสชาติของอาหารชาวบ้านและความเอื้อเฟื้อของคนไทย ทำให้พวกเขามั่นใจว่า
เมืองไทยมีดี..จริงๆ
ตลาดนักสำรวจ นักวิจัย นักผจญภัย นักกีฬาปีนเขา นักลงทุนกิจกรรมกลางแจ้ง สถาบันฝึกทักษะกลางแจ้ง ทั้งในไทย หรือในระดับสากลก็น่าจะสนใจประเทศไทยได้ไม่ยาก
เพราะการบริการด้านอาหาร ที่พัก เดินทาง การรักษาพยาบาลที่ไทยมีอยู่นับว่าเป็นสิ่งที่เอื้อเฟื้อให้น่าพิจารณาอยู่แล้ว
แหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ำและกิจกรรมปีนป่ายนั้น อาจมีได้ในที่อื่นทั่วโลกก็จริง แต่ ที่เหล่านั้นมักจะตั้งอยู่โดดเดี่ยว ระบบสนับสนุนเข้าถึงยาก
สิ่งที่ยังสามารถพัฒนาต่อในไทย จึงอยู่ที่เรื่องนโยบายที่ตรงประเด็น การวางโครงสร้างที่สามารถก้าวข้ามความซับซ้อนของระเบียบที่ต่างหน่วยต่างทำความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยที่ทั้งภาคราชการ องค์กรที่กำกับพื้นที่ ผู้สร้างระเบียบกติกา จะพึงมี
การดูแลค่าธรรมเนียม ค่าเช่า และการประกาศกำหนดขั้นตอน ตลอดถึงการเข้าใจถึงมาตรการสนับสนุนให้กิจกรรมนันทนาการ แนวนี้ ได้รับการก่อตัวขึ้น การเอื้อเฟื้อต่อการนำเข้าอุปกรณ์คุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงๆ มาใช้งาน การวางระบบภาษีที่จะช่วยเอื้อเฟื้อต่อท้องถิ่น การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนเพื่อจัดการทรัพยากรร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ
จึงเป็นฐานใหม่ที่จะยกระดับการท่องเที่ยวของไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น
ฟื้นตัวเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และช่วยเพิ่มมูลค่าให้การท่องเที่ยวโดยชุมชน
อย่างไรก็ตาม ถ้ำในไทยแม้มีอยู่มาก แต่เราต้องมองถ้ำว่าเป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด และหลายถ้ำก็ยังอยู่ห่างไกลจากการเข้าถึง และยังสำรวจได้ไม่ทั่วถึง
ดังนั้น เราจึงอาจเลือกเฟ้นจัดชั้น และกันแยกกลุ่มถ้ำที่ยังไม่จำเป็นต้องเปิดให้คนเที่ยว ออกคัดเลือกกลุ่มถ้ำที่มีศักยภาพที่เหมาะสม ไม่นำมาซึ่งความขัดแย้งหรือความเสี่ยงที่ยังไม่ได้ป้องกันออกไปก่อน
สำหรับกลุ่มถ้ำที่จะเปิดให้พัฒนาร่วมกันนั้นอาจเริ่มด้วยการเทียบเคียงกติกามาตรฐานที่กรมการท่องเที่ยวเคยกำหนดไว้ไปได้พลางก่อน เพราะการยกระดับมาตรฐานนั้น ยังสามารถเติมมิติต่างๆได้เสมอ
เรายังสามารถจัดชั้นระบุความยากง่ายในการเข้าถึง เพราะบางถ้ำบางผา อยู่ลึกจากถนนหลักเข้าไปไกล เส้นทางในหน้าฝนอาจไม่สะดวก มีบอกความยากง่ายในการเข้าชมเมื่อไปถึง บางถ้ำต้องใช้การเดินขึ้นหรือเดินข้ามเขาเป็นระยะทางเพิ่มพอควร บางถ้ำมีทางเข้าช่องทางหนึ่ง และมีทางออกอีกช่องทางหนึ่ง เพราะวิธีชมต้องไปแบบวันเวย์ ย้อนสวนไม่ได้
บางถ้ำมีทางออกหลายทาง และหลงง่าย
บางถ้ำ มีเหวในถ้ำก็มี มีหน้าผาในถ้ำให้ต้องไต่ขึ้นก็มี
สิ่งเหล่านี้ควรได้รับการบอกแจ้งล่วงหน้าเพื่อเตือนผู้ที่ไปเข้าเยี่ยมชมให้ทราบ เพื่อประเมินข้อจำกัดของตนเอง
ผมเคยพบผู้ที่ร่วมกับคนในครอบครัวเข้าถ้ำ ช่วงแรกๆก็ไม่มีข้อจำกัดอะไร แต่พอไปถึงระยะหนึ่งมีบันไดชันให้ต้องไต่ คุณสุภาพสตรีบอกว่าน่าจะไม่ไหว
ทีนี้ก็อิหลักอิเหลื่อล่ะครับ
คณะสมาชิกจะไปต่อก็ห่วง จะถอยกลับก็มาไกลแล้ว
ในที่สุดก็ต้องถอยกลับเอา
ดังนั้น การให้ข้อมูลสำคัญที่อ่อนไหวจึงสำคัญมาก สำหรับการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผจญภัยในกลางธรรมชาติที่อาจควบคุมไม่ได้ทุกอย่างแบบสวนสนุก
การจัดการด้านความปลอดภัยในการเข้าชม เป็นอีกประเด็นที่ต้องใช้ความรู้ ที่ละเอียดอ่อนพอควร
ถ้ำที่ได้รับการสำรวจและเปิดให้เยี่ยมชมได้ควรถูกจัดชั้นแบบละเอียด เช่นถ้าชมแค่โถงหน้าสุด แสงแดดส่องถึง ประเมินความเสี่ยงแล้วต่ำมาก ก็แล้วไป
แต่ถ้าจะเข้าลึกกว่าจุดกำหนด ใครจะเข้าต้องซื้อประกันภัยเพิ่ม และต้องปฏิบัติตามกติกาที่กำหนด มิเช่นนั้นจะมีผลต่อความสมบูรณ์ของเงื่อนไขการเอาประกันถ้าเกิดมีเหตุ
สถานที่หลายแห่งทางธรรมชาติไม่สามารถกู้ภัยกันได้ง่าย ทีมกู้ภัยต้องมีค่าใช้จ่าย อุปกรณ์กู้ภัยส่วนมากราคาแพง ประเทศใดจะทำเรื่องท่องเที่ยวธรรมชาติและผจญภัยนั้น แม้จะสร้างรายได้ได้ดี มีมูลค่าเพิ่มสูง แต่ก็ควรต้องมีระบบประกันภัยเข้ามากำกับด้วย เพื่อให้ทุกอย่างมีมาตรฐาน ที่วางใจได้
ในทางกลับกัน การเตรียมข้อมูลสำหรับผู้บริหารพื้นที่และผู้มาเยี่ยมเยือนให้ตระหนักรู้เกี่ยวกับความเปราะบางของระบบนิเวศของถ้ำที่เปิดให้เข้าชมได้ก็เป็นสิ่งจำเป็น
บางถ้ำควรมีเงื่อนเวลาของปีที่ต้องปิด ไม่ว่าเพราะเหตุด้านความเสี่ยงเรื่องน้ำป่า น้ำใต้ดิน หรือจะเพราะระบบนิเวศน์ต้องได้รับการพักฟื้นสม่ำเสมอ
บางถ้ำอาจพอจะจัดวางแสงสว่าง ชนิดหลอดLED ซึ่งจะไม่ร้อน ไม่ทำลายความชื้นของผนังถ้ำ หรืออาจมีราวจับ มีขั้นเหยียบเพื่อการเข้าถึงอย่างปลอดภัย ที่ไม่ให้กระทบนิเวศน์ของถ้ำมากเกินไปได้
บางถ้ำมีประเด็นเกี่ยวกับความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เร้นลับของคนท้องถิ่น ก็ต้องสื่อสารขอความเห็นจากภาคีในพื้นที่ แล้วทำระบบแนะนำให้ผู้มาเยือนต้องคำนึงถึงการเคารพต่อพื้นที่เป็นพิเศษ
การสร้างการมีส่วนร่วมโดยชุมชนอย่างเหมาะสม จะทำให้เกิดความยั่งยืนสันติสุขมากกว่าวิธีอื่นๆ
การถ่ายทอดความรู้แก่ชาวบ้าน เยาวชนในท้องถิ่นเพื่อให้สามารถร่วมรับประโยชน์จากการการมีถ้ำอยู่ใกล้แหล่งอาศัยก็ควรมีอย่างต่อเนื่อง
บางพื้นที่ เราสามารถเปลี่ยนพรานผู้เคยล่า กลายมาเป็นล่ามผู้นำทางและเล่าเรื่อง
เราอาจสามารถเปลี่ยนการหาประโยชน์จากการลักลอบเผา มาเป็นผู้หวงแหนความชื้นของพื้นที่เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้ออาชีพนำทางเดินป่า หรือเป็นพื้นที่ฝึกทักษะให้เยาวชนเข้าค่าย
สถาบันการศึกษาควรได้รับการสนับสนุนการพัฒนาความรู้เฉพาะทาง เพื่อให้มีฐานะเป็นผู้สนับสนุนทางวิชาการและความรอบรู้ที่จำเป็นในการคุ้มครอง อนุรักษ์ หรือใช้ประโยชน์จากถ้ำในแง่มุมต่างๆอย่างยั่งยืน
แต่ไม่ว่าอย่างไร ถ้ำต้องถูกยกย่องให้เป็นห้องเรียนของเราเสมอและระลึกเสมอ ว่าถ้ำเป็น’’ของสงวน’’ ที่หาได้ยาก
ถ้ำไม่ได้มีไว้เพียงสนองเงินตรา หรือความสนุกเท่านั้น เพราะถ้ำมีบทบาทของเขาเองอยู่ในวงจรธรรมชาติ
เราจึงต้องสงวนทรัพยากรนี้ไว้เพื่อให้เราและคนรุ่นถัดๆไป ใช้เรียนรู้ระบบที่ธรรมชาติจัดสรรมา
เรียนรู้ที่เราจะเข้าใจข้อจำกัดของถ้ำ เรียนรู้ข้อจำกัดของเรากันเอง ในการเข้าไปในดินแดนอัศจรรย์ของเปลือกโลก
จากเหตุการณ์ที่ถ้ำหลวง และอีกหลายๆแห่งในไทยและในโลก เราควรมีสถาบันการเรียนรู้เรื่องการป้องกันความเสี่ยงในการเข้าถ้ำ เรียนรู้การกู้ภัยในถ้ำ
รวมทั้งเรียนรู้เทคนิคในการสื่อ เพื่อให้คน เคารพธรรมชาติและเคารพในความเชื่อของคนในพื้นที่
เรียนรู้วิธีทำการตลาดให้กับถ้ำ และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องให้น่าสนใจ
เรียนรู้วิธีจัดบริการสนับสนุนจากผู้ประกอบการรายเล็กๆ เป็นระบบที่เป็นธรรม และมีเสน่ห์สำหรับการเข้ามาของนักเดินทาง ไม่ว่าจะมาพักค้าง หรือไม่พักค้าง
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งมีการจัดการในตัวแหล่งโดยผู้มีความรู้ แต่รอบทางเข้ายังมีผู้ที่ทำตรงข้าม ซึ่งไม่ส่งเสริมความยั่งยืน
เช่น บริการลานจอดควรอยู่ห่างออกไปเพื่อให้มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติก่อนเข้าถึงถ้ำ เพื่อจะได้มีจังหวะให้ปลุกเร้าความเคารพที่พึงมีต่อระบบนิเวศน์
จะปลุกเร้าโดยป้าย จะปลุกเร้าโดยผู้สื่อความหมายประจำถิ่นก็ได้ จัดให้มีเส้นทางแยกสำหรับจักรยาน หรือรถไฟฟ้าเพื่อช่วยพานักท่องเที่ยวสูงอายุ หรือผู้พิการ คนมีครรภ์หรือเด็กเล็กเข้าถึงที่หมายได้แบบไม่ลำบากเกินไป
มีบริการให้เช่าอุปกรณ์เพื่อการเข้าถ้ำที่เหมาะสม ตั้งแต่แสงส่องสว่างส่วนบุคคล หมวกกันกระแทก ถุงมือ รองเท้าที่เหมาะสม ที่รับฝากของ เพื่อจะได้ไม่มีการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพื้นที่เปราะบางโดยไม่จำเป็น หรือไม่ตั้งใจ แถมยังอาจไปเกาะเกี่ยวปุ่มหินหรือราวจับในระหว่างเดินชมด้วย
การจัดระเบียบการตั้งร้านจำหน่ายของที่ระลึก สินค้าท้องถิ่น จุดบริการล่ามและผู้นำทาง ป้ายบอกทาง ป้ายแสดงราคามาตรฐาน มีระบบออนไลน์ การจอง การจ่าย ที่ใช้ง่าย เป็นต้น
มนุษย์ยังรู้จักเปลือกโลกได้อีกมาก และเรายังอาจใช้ประโยชน์หรือทำประโยชน์ให้กับระบบนิเวศน์ได้อีกมากเช่นกัน
ขอเพียงเราสามารถบอกกันและกัน ผ่านประสบการณ์ของการท่องเที่ยวที่มีถ้ำเข้ามาเพิ่มเป็นองค์ประกอบเสริมเพื่อกระตุ้นให้เรา
เคารพธรรมชาติ ระบบนิเวศน์และเคารพกันและกันให้มากเพียงพอ
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา
รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา
ที่มา วีระศักดิ์ โควสุรัตน์: ท่องเที่ยวเชิงผจญ กิจกรรมคนรุ่นใหม่ (จบ) (isranews.org)
---------------------------------------------
"...เรื่องการท่องเที่ยวของโลกในยุคหลังโควิด19นั้น เป็นที่รู้กันว่า ยังไงก็จะกลับคืนมา ในเชิงปริมาณ แต่พฤติกรรมจะเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวจะวางแผนการออกเดินทางอย่างระแวงระวังมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเลี่ยงการท่องเที่ยวในแหล่งที่แออัดด้วยผู้คน จำนวนหนึ่งจะต้องการสัมผัสธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นของอากาศ บ้างอยากสัมผัสความท้าทาย แต่ต้องการความปลอดภัยที่วางใจได้..."
.........................
บทความตอนที่แล้วผมเล่าเรื่องสโลเวเนียกับความจริงจังในการเข้าใจเรื่องถ้ำ กับการท่องเที่ยวไปแล้ว
ทีนี้มาดูเกาหลีใต้ครับ เกาหลีใต้มีงานศึกษาที่ชี้ว่าตลาดนักท่องเที่ยวถ้ำ มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยเป็นกิจกรรมสาขาหนึ่งของการท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ จำนวนคนมากน้อยอาจไม่ใช่ประเด็น เพราะคนกลุ่มนี้ยอมจ่าย ยอมใช้เวลา และยอมบุกฝ่าอุปสรรคสารพันเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศการเที่ยวถ้ำ เกาหลีใต้เลยสงสัยใคร่รู้เหมือนกันว่าคนแบบไหนกันนะ ที่หันมาชื่นชอบกิจกรรมแบบนี้
งานศึกษาของกระทรวงการต้อนรับและการท่องเที่ยว (Ministry of Hospitality and Tourism)ของเกาหลีเมื่อ ปี2008 เปิดผลการสอบถามผู้ที่ไปปีนป่ายมุดอยู่ที่ถ้ำชื่อ Hwansun Cave ในเกาหลี ว่า กลุ่มผู้มาที่ถ้ำแบ่งได้เป็นสี่ประเภท
พวกแรก คือ ผู้หนีความจำเจ เกาหลีเรียกกลุ่มนี้ว่าเป็น escape-seeking group ดังนั้นพวกเขาเพียงแต่หนีของเดิมๆที่คนกำลังนิยมเท่านั้น คือเบื่อของคุ้นเคย
พวกที่สอง คือ อยากแสวงความรู้ เกาหลีเรียกกลุ่มนี้ว่า knowledge seeking group
พวกที่สาม คือ เน้นหาความแปลกใหม่ แต่อาจไม่ถึงขนาดสนใจจะเอาเป็นความรู้ เกาหลีเรียกกลุ่มนี้ว่า novelty seeking group กลุ่มนี้รวมถึงผู้รักความตื่นเต้นลึกลับท้าทายด้วย บ้างมาถ้ำเพราะชอบที่ ’’ความมืดอันจริงแท้‘’ บ้างมาเพราะชอบที่ ’’เงียบสงัด’’ อย่างที่หาข้างนอกไม่ได้
พวกที่สี่ คือ พวกที่มาเข้าถ้ำเพื่อจะได้มีกิจกรรมกลุ่ม มาร่วมประสบการณ์กันเป็นหมู่เป็นคณะ เกาหลีเรียกกลุ่มนี้ว่า Socialization group ถ้ำเป็นเครื่องมือให้เกิดกิจกรรมร่วมเฉย ๆ มีตั้งแต่เด็กประถมมากับครู เด็กโตมากับผู้นำกิจกรรม ครอบครัวมากับไกด์ และบริษัทมากับไลฟ์โค้ช
ในงานศึกษาที่อื่น ๆ ชี้ว่าผู้ที่ไปเที่ยวเชิงธรณีวิทยานั้นยังมีระดับอีกด้วยคือ ระดับที่ไปเอาแค่ความเพลิดเพลิน กับระดับที่ไปมุ่งจะสังเกต ฝึกฝน ศึกษา เปรียบเทียบ คือชอบเข้าไปค้นเอาจริงเอาจัง
อีกชิ้นของงานศึกษาในต่างประเทศ ตั้งข้อสังเกตว่า ป้ายบอกในแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรณีวิทยาจะมีพลังมากขึ้นมาก ถ้าภาษาที่ใช้อธิบายในป้ายจะลดความเป็นวิชาการลง แต่ออกไปในทางเปรียบเปรยให้เห็นภาพที่จะขายมุมมองให้ผู้อ่านป้ายต้องทึ่ง แล้วจะนำมาซึ่งความเคารพต่อป้ายถัดๆไป และให้ความเคารพต่อสถานที่นั้น เป็นผลทางจิตวิทยาที่เกิดจากการได้มุมมองที่เกินคาด จากข้อความในป้ายอธิบาย เช่น เขาแมทเทอร์ฮอรน์ในสวิตเซอร์แลนด์ (ที่กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสวิตเซอ์แลนด์) ติดป้ายที่นักท่องเที่ยวได้อ่านว่า …. "แมทเทอฮอรน์มีสถานะที่เหมือนไส้กลางของแซนวิชที่ขนมปังข้างหนึ่ง คือ แอฟริกา และอีกข้างหนึ่งคือยุโรป" ….
เพราะแม้ภูเขาที่เป็นทรงปิรามิดสูงชันและผิวเรียบน่าทึ่งนี้จะอยู่ไกลจากแผ่นดินทวีปแอฟริกามากตามแผนที่ทางการเมือง แต่ในทางธรณีวิทยา เทือกเขาแอลป์อันเลื่องชื่อ ซึ่งมี ภูเขาแมทเทอฮอรน์ เป็นหนึ่งในยอดเขานั้น แท้จริงแล้วคือผลของแผ่นเปลือกโลกสองชิ้นเคลื่อนมาชนกัน คือแผ่นเปลือกโลกแอฟริกา กับแผ่นเปลือกโลกยุโรปเมื่อนับล้านปีก่อน !!
หินที่เป็นยอดของแมทเทอฮอรน์นั้น นักธรณีบางท่านอธิบายว่าเป็นหินที่มาจากแผ่นเปลือกโลกแอฟริกา
ผลในทางจิตวิทยา คือ คนยุโรปจะรู้สึกโดยไม่รู้ตัวว่าควรให้เกียรติแก่ชาวแอฟริกาที่มาเยือน แมทเทอฮอรน์ และเมื่อชาวแอฟริกามาเที่ยวที่นั่น ก็จะรู้สึกผูกพันกับเทิอกเขานี้อย่างสดชื่นขึ้น
ส่วนชาวทวีปอื่นที่มารับรู้ข้อความ ก็จะทึ่ง ว่าตัวเองได้มาเยือนจุดเชื่อมสำคัญของแผ่นเปลือกโลก ไม่ใช่แค่มาเห็นภูเขาสวยชื่อดังจากหน้ากล่องช้อคโกแลต
เรื่องการท่องเที่ยวของโลกในยุคหลังโควิด 19 นั้น เป็นที่รู้กันว่า ยังไงก็จะกลับคืนมา ในเชิงปริมาณ แต่พฤติกรรมจะเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวจะวางแผนการออกเดินทางอย่างระแวงระวังมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเลี่ยงการท่องเที่ยวในแหล่งที่แออัดด้วยผู้คน จำนวนหนึ่งจะต้องการสัมผัสธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นของอากาศ บ้างอยากสัมผัสความท้าทาย แต่ต้องการความปลอดภัยที่วางใจได้ อยากเคลื่อนไหวในลักษณะที่ไม่เคยบ้าง ตั้งแต่เดินป่า ปีนเขา เข้าถ้ำ หรือดำน้ำ กิจกรรมกลางแจ้งจะเป็นที่หมายปองในทุกเพศวัย และจากหลากกลุ่มเป้าประสงค์ การเดินทางแบบกรุ้ปใหญ่มากๆจะถูกซอยแบ่งให้เล็กลง กลุ่มเดินทางจะเน้นสมาชิกเฉพาะกลุ่ม ใช้พาหนะเล็กลงเพื่อลดความเสี่ยงที่ต้องปะปนกับคนที่ไม่แน่ใจว่าจะป้องกันตัวเองมาดีพอ วิธีเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะจะถูกตั้งเงื่อนไขมากขึ้น คนจะสนใจใช้ระบบไร้สัมผัส สนใจสุขอนามัย สนใจระบบที่ไม่ต้องจับเงินสด ให้น้ำหนักกับระบบจองคิวล่วงหน้า อยากใช้เวลานานขึ้นกับแต่ละแหล่งท่องเที่ยว ชะโงกทัวร์แบบมาเพื่อถ่ายรูปทำแต้มน่าจะยิ่งแผ่วลง ๆ ผู้เดินทางไม่อยากหมดเวลาไปกับการรอคอยระหว่างเดินทางอย่างไม่สมเหตุสมผล
ตรงนี้คือโอกาสสำคัญของไทยในการพัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยวทีเดียวครับ เราควรจะลดการกระจุก ผลักดันการกระจายตัว สร้างวงจรการเชื่อมต่อให้ได้ประโยชน์แก่ชุมชนท้องถิ่นมากๆ ใช้ความมีอัตลักษณ์ของแต่ละที่มาเป็นจุดดึงดูด จุดจดจำ และเป็นจุดขาย พัฒนาความสะดวก ให้ดีขึ้น แต่ไม่ต้องถึงขนาดยัดเยียดความเจริญรุดหน้า จัดวางกติกาที่ทำให้ต้องเคารพ พอๆกับการให้มุมมองที่ทำให้ต้องอยากค้นหา ใช้ความร่วมมือของเครือข่าย ไม่พึ่งพาแต่การใช้กฏหมายทางอาญาเข้าขู่ ยกเว้นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัย ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเคารพ เชื่อมั่น ช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ลดปริมาณขยะ ทำป้ายทำสื่อทำห้องน้ำทำที่จอดพาหนะและจุดบริการที่ เข้ากับระบบสากล มีอารยสถาปัตย์ ด้วยวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่ ติดตั้งสั่งประกอบโดยคนในพื้นที่ เพื่อให้การดูแลรักษาทั้งง่าย ประหยัดเวลาและสร้างงานให้คนท้องถิ่น
ใช้ดิจิทัลในการจอง การจ่าย การแจกข้อมูล การประมวลและประเมินผล เพื่อนำมาปรับปรุง เสริมลดกิจกรรมได้อย่างยืดหยุ่นเหมาะกับแต่ละสภาพพื้นที่ ห้วงเวลา ฤดูกาลและความสามารถในการรองรับและบริหาร มีอัตราค่าบริการที่โปร่งใส ให้ข้อมูลและส่งมอบได้อย่างมืออาชีพ สามารถสื่อสารได้ข้ามภาษา ข้ามวัฒนธรรม ข้ามกลุ่มอายุได้ดี ป้ายเชิงสัญลักษณ์หรือ pictogram จะสำคัญขึ้นมาก ใช้พื้นที่น้อย แต่มนุษย์เข้าใจง่ายในทุกภาษา ประเทศไทยในสายตาของชาวต่างชาติ นั้น จุดเด่นคือมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีชาวพื้นเมืองที่เป็นมิตรในทุกที่ เมืองไทยมีดี แถมมีความหลากหลาย
ในขณะเดียวกัน ตลาดนักท่องเที่ยวไทยก็โตขึ้นมาก และมีศักยภาพที่พึ่งพาได้ นักท่องเที่ยวกลุ่มรักธรรมชาติ กลุ่มใฝ่รู้ กลุ่มหนีความจำเจ กลุ่มอยากรับสัมผัสใหม่ๆ กลุ่มอยากมีกิจกรรมท้าทาย หรือแค่อยากได้กิจกรรมกลุ่ม ล้วนเป็นนักท่องเที่ยวที่ให้คุณค่า และให้มูลค่าได้ ถ้าเราทำระบบให้มีคุณภาพ ทำให้พวกเขาสามารถทำการบ้านล่วงหน้า ทำให้เขาใช้เวลากับแต่ละกิจกรรมอย่างมีความหมาย ทำให้เขากลับไปด้วยจิตวิญญาณใหม่ ๆ ใส่ใจกับสภาพแวดล้อม ผู้คนแวดล้อม มีความพร้อมและความกล้าที่จะปรับปรุงปรับเปลี่ยน มีความนิ่งทางอารมณ์ มีความมั่นคงทางสมาธิ เปิดศักราชครั้งใหม่ ไม่ว่าจะหลังหรือระหว่างโควิด 19 วงการท่องเที่ยวไทยต้องไม่ไหลกลับไปเผชิญกับ ‘วงจรเดิม ๆ’ ครับ
อ่านตอนจบพรุ่งนี้
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา
รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา
ที่มา วีระศักดิ์ โควสุรัตน์: ปีนเขา เข้าถ้ำ ท่องเที่ยวมูลค่าเพิ่มชั้นดี (ตอนที่2) (isranews.org)
---------------------------------------------