ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
ร่วมเวทีเสวนาเรื่อง "อุบลราชธานีเมืองหน้าด่านอาเซียนของไทยจะตั้งรับ PM2.5 อย่างไร"

15 มีนาคม 2568 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเปิดและมอบของที่ระลึกแก่วิทยากรร่วมเวทีเสวนาเรื่อง "อุบลราชธานีเมืองหน้าด่านอาเซียนของไทยจะตั้งรับ PM2.5 อย่างไร"
จัดโดย ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 12 ณ ห้องประชุมอาคารคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ในการนี้ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯได้เสนอให้เกิดการรวมตัวของพลเมืองตื่นรู้ ในรูปแบบสภาลมหายใจอุบลราชธานี และอาศัยการสื่อสารสัมพันธ์ระดับประชาชนและธุกิจ ตลอดจนการชวนเชิญให้นักศึกษาชาวลาว นักศึกษากัมพูชาที่เข้ามาเรียนในสถาบันการศึกษาในภาคอีสานร่วมกับกลุ่มผู้เดินทางเข้าเมืองมารับการตรวจสุขภาพ รักษาพยาบาล ที่มาจากลาวและกัมพูชาให้เห็นประโยชน์ด้านสุขภาพ โดยการกลับไปก่อตั้งสภาลมหายใจเมืองปากเซ ในลาว สภาลมหายใจจังหวัดพระวิหารในกัมพูชา แล้วจับมือกันทั้ง3สภาลมหายใจนี้มารับการฝึกอบรมการมองข้อมูลดาวเทียม การใช้แอพลิเคชั่นต่างๆที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อใช้ติดตามตรวจสอบค่าฝุ่น ทิศทางลม ตลอดจนพิกัดจุดความร้อนในจังหวัดของตนเอง เพื่อส่งสัญญานให้รัฐบาลของตนใช้กำหนดท่าทีและมาตรการในการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนของตนเอง
นอกจากนี้นายวีระศักดิ์ยังยกตัวอย่างมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ที่ประชาชนควรสนับสนุนให้รัฐออกระเบียบยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีที่ดินที่นำมาใช้ในการพักเศษวัสดุทางการเกษตร เช่นฟางข้าว ฟางข้าวโพด ใบอ้อย ใบไม้ เพื่อจะได้มีสถานที่รวบรวมชีวมวลเหล่านี้ไปจำหน่ายต่อแก่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าชีวมวล หรือการค้าฟางเพื่อคลุมดิน และเลี้ยงปศุสัตว์ การใช้ฟางปูคอกสัตว์ซึ่งช่วยเปลี่ยนภาระจากการเสี่ยงถูกเผาเป็นฝุ่นควัน ยังได้สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นจากฐานชีวภาพ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตลอดจนเป็นรายได้เสริมแก่เกษตรกรที่หลีกเลี่ยงการเผาไปด้วย
ทั้งนี้ภายหลังจบการเสวนา ปรากฏว่าสื่อมวลชนท้องถิ่นและผู้เข้าฟังการเสวนาต่างให้ความสนใจสนับสนุนแนวคิดข้อเสนอดังกล่าว และสนใจจะไปก่อตั้ง สภาลมหายใจภาคประชาสังคม เพื่อการขับเคลื่อนพลังร่วมกับเพื่อนๆพลเมืองอาเซียนและลุ่มน้ำโขงต่อไป






มนุษย์พึ่งพาระบบนิเวศน์ที่เปราะบางยิ่ง วีระศักดิ์ชี้ต้องเพิ่มมิติการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น

13 มีนาคม 2568 ในการประชุมวิชาการระดับชาติ ด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ครั้งที่ 20 จัดโดยสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าและองค์กรร่วมจัด โดยปีนี้จัดที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.ประสานมิตร) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง " เมืองกับความท้าทาย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต" เป็นเวลา หนึ่งชั่วโมง ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และศาสตราจารย์ ดร.อัมพร ธำรงลักษณ์ คณะกรรมการสมาคม คณาจารย์และนิสิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้การต้อนรับ
โดยนายวีระศักดิ์ได้ชี้ให้เห็นถึงกลุ่มปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั้งก่อตัวขึ้นในเมืองและที่ลามจากนอกเมืองเข้ามาสู่เขตเมืองว่ามีความซับซ้อนและต้องการการออกแบบและให้น้ำหนักทางนโยบายรัฐกิจอย่างเข้มข้น โดยสามารถจำแนกกลุ่มปัญหาท้าทายออกได้เป็น3ด้าน คือด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศน์ ซึ่งในด้านระบบนิเวศน์ยังแบ่งได้อีก 3กลุ่มได้แก่ 1 กลุ่มปัญหามลพิษ เช่นขยะล้น น้ำเสียปนเปื้อนโลหะหนัก อากาศเป็นพิษ 2 กลุ่มปัญหาจากความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่นน้ำทะเลยกระดับ อากาศสุดขั้ว และ 3 กลุ่มปัญหาจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เช่นการหายไปของแมลงผสมเกสร ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยนโยบายภาครัฐที่เข้าใจวิทยาศาสตร์ เข้าใจจิตวิทยามนุษย์และสังคม เข้าใจเศรษฐมิติของภูมิศาสตร์ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดังนั้นบทบาทของนักบริหารและผู้สนใจด้านรัฐประศาสนศาสตร์จึงมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการเชื่อมระบบ พัฒนาระบบเพื่อให้อำนาจรัฐและพลังทางสังคมและธุรกิจตลอดถึงชุมชนสามารถถักทอเสริมส่งกันและกันในการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษย์กำลังเผชิญและเรียนรู้ร่วมกันที่จะอยู่กับสถานการณ์ที่ยังไม่เคยมีมนุษย์ยุคใดๆเคยรับมือมาก่อน











สสส.หนุน ม.มหิดล จัดเวทีประชุมเสวนา

เชิงปฏิบัติการเพื่อ “จัดตั้งสภาลมหายใจกาญจนบุรีครั้งที่ 2”พร้อมตั้งโต๊ะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ลดต้นตอฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อ”อากาศดี ชีวิตดี เราทุกคนร่วมสร้างได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องด้วยมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินการนำร่องลดการเผาในที่โล่งเพื่อสุขภาวะที่ดี ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดจุดความร้อนที่เกิดจากการเผาในที่โล่งใน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1 พื้นที่ป่าอนุรักษ์ อ.ศรีสวัสดิ์ 2.พื้นที่ไร่อ้อย อ.ไทรโยค และ 3.พื้นที่ไร่อ้อย อ.บ่อพลอย โดยมีจุดประสงค์หนึ่งเพื่อพัฒนาภาคีเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อลดผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการขับเคลื่อนเชิงนโยบายโดยภาครัฐและประชาชนภายในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
ในการนี้ เพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายตามกระบวนการและดำเนินการต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์ ทางโครงการฯ จึงได้เรียนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงภาคประชาชน ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อ “จัดตั้งสภาลมหายใจกาญจนบุรี ครั้งที่ 2”ขึ้นเมื่อวันพุธที่ 12 มี.ค.2568 เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 – 12.00 น.ที่ห้องประชุมจิตเกษม ศูนย์ฝึกอบรมท่าทุ่งนา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หมู่ 1 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยมี อาจารย์ ดร.จุฑามาส แก้วสุข อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ (หัวหน้าโครงการ) ดร.วัชรพล วงศ์เลิศอารักษ์ อาจารย์ประจำวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ ดร.ภวินท์ธนา เจริญบุญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ดร.ถกล วิทยาธนรัตนา อาจารย์ประจำเทคโนโลยีการอาหาร ดร.อาจารี แก้วเหล่ายูง รศ.ดร.เอริกา พฤฒิกิตติ อาจารย์ประจำวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ ดร.สุภัทร์ชัย รุจาคม อาจารย์ประจำหลักสูตรบัณฑิตศึกษา ร่วมระดมความคิดเห็น
นอกจากนี้ยังมี นายประวุธ เปรมปรีย์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายชัยวัฒน์ คำมี สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี นางวันดี เซี่ยงฉิน สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี นายวสันต์ สุนจิรัตน์ ประธานเครือข่าย ทสม.อำเภอเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนท่าทุ่งนา รวมถึงภาครัฐ ภาคประชาชน และคณะนักวิจัยจากทีม Synergy Climate เข้าร่วม
ในการนี้ได้รับเกียรติจากนายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจ กทม.อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.เจน ชาญณรงค์ รองประธานสภาลมหายใจ กทม.เดินทางมาร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อ “จัดตั้งสภาลมหายใจกาญจนบุรี ครั้งที่ 2”เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการจัดตั้ง สภาลมหายใจกาญจนบุรี
ทั้งนี้ อาจารย์ ดร.จุฑามาส แก้วสุข หัวหน้าโครงการ“จัดตั้งสภาลมหายใจกาญจนบุรี) กล่าวว่าการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อ “จัดตั้งสภาลมหายใจกาญจนบุรี” เป็นโครงการปฏิบัติการนำร่องลดการเผาในที่โล่งเชิงรุกเพื่อสุขภาวะที่ดีในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ดำเนินการส่งเสริมการลดการเผาในภาคเกษตรและภาคป่าไม้ ในระหว่างวันที่ 16 กันยายน 2567 ถึง วันที่ 15 ธันวาคม 2568 ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ อ.ศรีสวัสดิ ์ พื้นที ่ไร่อ้อย อ.ไทรโยค และ อ.บ่อพลอย จากการวิเคราะห์ข้อมูลจุดความร้อน (Hot spot) จากดาวเทียมย้อนหลัง 10 ปี พบว่าทั้ง 3 พื้นที่เป็นพื้นที่ที่มีการเผาซ้ำซาก
จุดประสงค์ของการ “จัดตั้งสภาลมหายใจกาญจนบุรี”เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่เผาซ้ำซากในจังหวัดกาญจนบุรี โดยการลดจุดความร้อนที่เกิดจากการเผาในที่โล่งใน 3 พื้นที่ข้างต้นด้วยการ ริเริ่มเครือข่ายสภาลมหายใจ จากการศึกษาความต้องการ ความพร้อมของพื้นที่ การค้นหาเครือข่าย การวางโครงสร้างบทบาทหน้าที่ และแนวทางในอนาคต มุ่งเน้นกระบวนการทางสังคมที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมเป็นภาคีเพื่อร่วมกันสร้างการตระหนักรู้ และฐานข้อมูล เพื่อไปสู่การแก้ไขปัญหาไปสู่แหล่งกำเนิดที่แท้จริง
โดยการ“จัดตั้งสภาลมหายใจกาญจนบุรี” มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการเผาในที่โล่งและปรับปรุงการจัดการกิจกรรมทางการเกษตรที่ก่อให้เกิดมลพิษโดยเฉพาะไร่อ้อย เพื่อเสริมการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่ม
พัฒนาเครือข่ายชุมชน โรงเรียน และประชาชนเพื่อลดผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับพัฒนารูปแบบการดำเนินงานในการลดการเผาร่วมกันระหว่างประชาชนกับภาครัฐ รวมถึงริเริ่มเครือข่ายสภาลมหายใจกาญจนบุรี ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาคเอกชน และหน่วยงานราชการในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและการเผาในที่โล่ง
ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมาย เพื่อสร้างรายได้โดยการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ ลดการเผาไหม้แบบเปิดซึ่งจะช่วยปรับปรุงสุขภาพของประชาชนโดยการลดการสัมผัสกับฝุ่น ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงข้อมูลความเข้มข้นของฝุ่นและความเสี่ยงสุขภาพอย่างเท่าเทียมโดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง ดำเนินนโยบายอากาศสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างการสนับสนุนจากชุมชน ส่งเสริมเครือข่ายที่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนต่างๆของจังหวัดกาญจนบุรี
…………..
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี พัชรินทร์ พัฒนะพิชัย 0813317280
ที่มา https://www.karnmuangchumchon.com/2025/35167

NIDA BCG Exclusive Dinner Talkหัวข้อ Green Hotel

หลักสูตร NIDA BCG ครั้งที่ 8 วันพุธที่ 12 มีนาคม 2568 รายการ Exclusive Dinner Talk Time : 18.45 - 19.30
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หัวข้อ Green Hotel
At: Eastin Grand Phayathai Bangkok ห้อง Thong Lo 4th Floor



กสม. จัดประชุมรับฟังข้อมูลและความเห็น ประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่น PM2.5

วันที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น. คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายไพโรจน์ พลเพชร และนางสาวมณีรัตน์ มิตรปราสาท ที่ปรึกษาประจำ กสม. นางสาวหรรษา หอมหวล เลขาธิการ กสม. รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ประชุมรับฟังแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นเพื่อประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่น PM2.5 โดยรับฟังข้อมูลจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ รวมทั้งภาคประชาสังคม ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร และสภาลมหายใจเชียงใหม่ ณ ห้องประชุม 709 สำนักงาน กสม.
ในการประชุมดังกล่าว ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการของหน่วยงานในปีที่ผ่านมาเพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นละออง รวมทั้งการเตรียมความพร้อมสำหรับฝุ่นละอองสำหรับปี 2568 เช่น การกำหนดนโยบายหรือมาตรการเพื่อควบคุมและลดการปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด แนวทางแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน ความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหา การมีส่วนร่วมของชุมชน การจัดการและแจ้งเตือนข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งการป้องกันและดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน ทั้งนี้ กสม. จะรวมรวบข้อมูลและความเห็นที่ได้จากการประชุมเพื่อประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่น PM2.5 ในภาพรวมเสนอรัฐบาลต่อไป




