ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
สภาลมหายใจ กทม. แนะแผนรับมือฝุ่นเฉพาะกิจ
สภาลมหายใจ กทม. แนะแผนรับมือฝุ่นเฉพาะกิจ รวมอำนาจที่ผู้ว่าฯ จังหวัดปลายทางของฝุ่น ประเมินสถานการณ์เพื่อออกแผนรับมือทั้งเชิงรับและรุก พร้อมวิจารณ์แผนรับมือของรัฐบาลว่า คำสั่งห้ามเผาศักดิ์สิทธิ์ไม่พอ
https://www.youtube.com/watch?v=KJKtl42vHFY
........................................
สรุปข่าวจาก Thai PBS โดย นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสมาชิกสภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการประชุมหารือเพื่อรับมือปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลค่ะ
ประเด็นสำคัญที่นายวีรศักดิ์ กล่าวถึง
กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดปลายลม ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 จากจังหวัดต้นลม ทั้งจากทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้
ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดย กทม. ควรประสานงานกับจังหวัดต้นลมอย่างใกล้ชิด และอาจให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและอุปกรณ์ เพื่อลดการเผาในพื้นที่ต้นลม
มาตรการของ กทม. ควรทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การ Work From Home, การห้ามรถบรรทุกเข้าเมือง แม้ในช่วงที่ฝุ่นไม่รุนแรง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวใช้รถพลังงานสะอาด และส่งเสริมการตั้งศูนย์กระจายสินค้ารอบนอก
ควรกำหนด Low Emission Zone เร็วขึ้น และขยายพื้นที่ควบคุมมลพิษจากในเมืองไปยังปริมณฑลด้วย
รัฐบาลควรทบทวนมาตรการห้ามเผา เนื่องจากขาดประสิทธิภาพ ควรใช้มาตรการจูงใจ เช่น ลดภาษี รับซื้อซากฟางข้าว และเพิ่มความเข้มงวดในการจับปรับผู้ฝ่าฝืน
สรุป นายวีรศักดิ์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การร่วมมือกันระหว่าง กทม. ปริมณฑล และรัฐบาล และการใช้มาตรการที่หลากหลายเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5
........................................
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.thaipbs.or
ช่องทาง Social Media
Facebook : / thaipbsnews
Twitter : / thaipbsnews
Instagram : / thaipbsnews
TikTok : https://www.tiktok.com
นิรโทษคดีที่ดิน-ป่าไม้หลักการต้องชัด พิสูจน์สิทธิ์คนอยู่ก่อนรัฐประกาศเขต-ไม่เอื้อนายทุนบุกรุก
27 ม.ค. 2568 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) มีการจัดเวทีรณรงค์สาธารณะเชิญชวนประชาชนเข้าชื่อกฎหมาย “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและป่าไม้ พ.ศ. ..” โดย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในปี 2497 ซึ่งประเทศไทยมีการออกประมวลกฎหมายที่ดิน โดยกำหนดให้ประชาชนแจ้งการครอบครองที่ดินภายใน 180 วัน
ซึ่งเมื่อประชาชนมาแจ้งแล้วรัฐจะออกเอกสารเรียกว่า สค.1 ให้ แต่ปัญหาคือมีประชาชนส่วนหนึ่งไม่ได้ไปแจ้งการครอบครองที่ดิน ด้วยเหตุผล เช่น ชาวบ้านทำประโยชน์ในที่ดินนั้นไปโดยไม่มีบุคคลใดมารบกวนสิทธิ์ เพราะชาวบ้านในละแวกนั้นก็รู้จักกันหมดจึงไม่เห็นความจำเป็นต้องไปแจ้ง หรือไม่ได้รับการสื่อสารว่าต้องไปแจ้งเนื่องจากอยู่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร
“ยกตัวอย่างเช่นที่ป่าตองภูเก็ต สมัยก่อนไปยากมากเพราะไม่มีเส้นทางจากอำเภอเมืองข้ามภูเขาไป ใครเดินทางจากอำเภอเมืองข้ามภูเขาไปตายหมด เพราะมีเสือ ใครข้ามไปเจอเสือกัดตายหมด จะต้องเดินทางทางเรือเท่านั้น ฉะนั้นส่วนที่ป่าตอง ถ้าไม่ได้ไปแจ้ง สค.1 ก็ต้องบอกว่าเสียดายมาก แล้วหลายคนก็ไมได้ไปแจ้งจริงเพราะอาจจะเกิดจากถิ่นทุรกันดาร แต่ถ้าใครถือ สค.1 จนถึงปัจจุบันนี่ผมว่าเป็นมหาเศรษฐีนะ เพราะที่ดินราคาไม่ต่ำกว่า 70 ล้าน” พ.ต.ท.ประวุธ กล่าว
ADVERTISEMENT
พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล
พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวต่อไปว่า แต่เมื่อประชาชนไม่ได้ไปแจ้งการครอบครองที่ดินในระยะเวลาที่กำหนดก็ทำให้เสียสิทธิ์ เท่ากับเสียสิทธิ์ในครั้งที่ 1 ต่อมาเมื่อรัฐประกาศกฎหมายป่าไม้หรือกฎหมายอุทยาน กำหนดให้ไปแจ้งคัดค้านภายในเวลา 90 วัน ขณะที่รัฐก็ไปทำแผนที่ขนาด 1 ต่อ 50,000 ขึ้นมาติดในชุมชน คำถามคือชาวบ้านจะรู้หรือไม่ว่าที่ดินของตนเองอยู่ในแผนที่ประกาศเป็นเขตป่าหรืออุทยาน แต่การไม่มาแจ้งสิทธิ์คัดค้านการประกาศพื้นที่ป่าหรืออุทยานก็เท่ากับเสียสิทธิ์เป็นครั้งที่ 2 ที่ดินนั้นกลายเป็นของรัฐทันทีและชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นก็ถูกดำเนินคดี
ทั้งนี้ หากไปดูกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ จะพบนิยามที่ระบุว่า ป่า หมายถึง ที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน จึงหมายความว่าพื้นที่ใดที่ออกโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ไม่ได้ก็ถือเป็นป่าทั้งหมด และมีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบันและยังไม่ได้รับการแก้ไข ในขณะที่ประชากรจำนวนเพิ่มขึ้น และแม้จะมีการประกาศพื้นที่อนุญาตให้ประชาชนใช้ประโยชน์ชั่วคราว เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. แต่ก็ไม่เพียงพอ
แม้กระทั่งแนวปฏิบัติของแต่ละแห่งก็ยังแตกต่างกัน เช่นที่ จ.ภูเก็ต มีกรณีป่าเขารวก-เขาเมือง มีการสำรวจจำนวนประชากรที่อาศัยในพื้นที่ ให้ทางเลือกว่าสำหรับผู้ที่ยินดีย้ายออกจะได้รับค่าชดเชย ส่วนผู้ที่ไม่ย้ายออกก็จะกันพื้นที่จุดนั้นออกจากเขตป่าสงวน หรือขอให้ย้ายจากบริเวณกลางป่ามาอยู่บริเวณริมขอบแนวเขตป่า เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ซึ่งตามหลักการแล้วควรทำแบบนี้ แต่อีกหลายพื้นที่ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกัน
“ผมยกตัวอย่างบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ในหมู่บ้านเดียวกันถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวนทั้งหมู่บ้าน ในขณะที่ประกาศเขตป่าสงวนชุมชนเกิดขึ้นแล้ว เป็นหมู่บ้านแล้ว บ้านหลังหนึ่งมีการไปแจ้ง สค.1 ไว้ ช่วงปี 2497 อีกหลังหนึ่งข้างๆ ไม่ได้ไปแจ้ง พอเขาประกาศเป็นเขตป่าสงวนก็ไม่มีใครไปคัดค้าน กลายเป็นว่าที่ดินตรงนั้นกลายเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แต่คนที่ได้ สค.1 สามารถไปออกโฉนดได้เพราะเขาถือว่ารัฐให้ประโยชน์คุณก่อนประกาศเป็นเขตป่าสงวน ในขณะที่ข้างบ้านออกโฉนดไม่ได้แถมยังเป็นผู้บุกรุกป่าสงวนอีก” พ.ต.ท.ประวุธ ระบุ
พ.ต.ท.ประวุธ ยังกล่าวอีกว่า บ้านติดกัน อยู่มาพร้อมๆ กัน หลังหนึ่งออกโฉนดได้แต่อีกหลังออกไม่ได้ นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น จึงเป็นที่มาของแนวคิดการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยภาคประชาชนต้องการให้นิรโทษกรรมผู้ได้รับผลกระทบจากกนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งขาติ (คสช.) แต่ทางกระทรวงยุติธรรมเห็นว่า ควรย้อนไปถึง 2497 เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ประชาชนเสียสิทธิ์เนื่องจากการไม่ได้ไปแจ้งการครอบครองที่ดินหรือแจ้งคัดค้านการประกาศพื้นที่ป่าหรือพื้นที่อุทยาน
ประการต่อมา กลุ่มเป้าหมายแรกของการนิรโทษกรรมคือผู้ที่อยู่มาก่อน และควรได้สิทธิ์ในที่ดินนั้นคืนด้วย ไม่ว่าจะครอบครองเนื้อที่เท่าใดก็ตาม หากพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าอยู่มาก่อนจริง ซึ่งการพิสูจน์ก็ไม่ยาก ในฐานะที่ตนเคยอยู่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มาก่อน เรื่องนี้สามารถใช้ภาพถ่ายทางอากาศซึ่งเริ่มถ่ายกันมาตั้งแต่ปี 2493 และถ่ายทุกๆ 10 ปี มาเปรียบเทียบเพื่อพิสูจน์ว่าที่ดินแปลงนั้นมีการใช้ประโยชน์มาก่อนหรือไม่ นอกจากนั้นยังจะมีการล้างมลทิน เพื่อไม่ให้มีประวัติอาชญากรรมติดตัวซึ่งจะกระทบต่อการไปหางานทำ
อย่างไรก็ตาม มีภาคประชาชนเรียกร้องเข้ามาว่าอยากให้เพิ่มเติมกลุ่มคนที่มาทีหลังการประกาศเขตป่าสงวนหรืออุทยาน ซึ่งด้านหนึ่งต้องยอมรับว่ากลุ่มนี้เป็นผู้กระทำผิด แต่อีกด้านหนึ่งสาเหตุอาจมาจากความยากจน ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร จึงใส่กลุ่มนี้ไปด้วย แต่ให้เฉพาะการนิรโทษกรรมและล้างมลทินเท่านั้น ไม่ให้สิทธิ์ในที่ดิน และไมได้ให้กับทุกคน เพราะจากประสบการณ์ที่เคยทำคดีมา การบุกรุกที่เป็นจำนวนมากๆ มักเป็นผู้มีอิทธิพล
“เราก็เลยมองว่าจำนวนเนื้อที่เท่าไหร่ดีถึงจะเป็นแนวขีดเส้นที่เราจะนิรโทษกรรม เราก็เลยไปมองที่กฎหมาย บอกว่าถ้าบุกรุกเกิน 25 ไร่ ถือว่าเป็นเหตุเพิ่มโทษ ก็แสดงว่าคนที่บุกรุกเกิน 25 ไร่ส่วนใหญ่จะเป็นนายทุนรายใหญ่ เราไม่ต้องการให้นายทุนแทรกซึมเข้ามาในกลุ่มนี้ เราก็เลยไปขีดเส้นไว้ที่ 25 ไร่ ว่าใครบุกรุกเกิน 25 ไร่เราไม่นิรโทษกรรมให้ เราไม่ล้างมลทินให้” พ.ต.ท.ประวุธ กล่าว
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า คำสำคัญมากคือการนิรโทษกรรมกรณีป่าไปรุกคนไม่ใช่กรณีคนไปรุกป่า และอย่าเพิ่งพ่วงอะไรเข้ามา เช่น พวกที่เข้ามาหลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 30 มิ.ย. 2541 เพราะต้องทำให้ขบวนรถไฟนี้มีความชอบธรรม คำว่านิรโทษกรรมพยายามใช้ให้เป็นคำคำเล็กหน่อย แต่เป็นคำที่ว่าด้วยการทบทวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการมาก่อนหรือมาหลังการประกาศเขต
อย่างที่พูดถึงคือ 1.เขตการออก สค.1 แล้วประชาชนก็ไมได้เข้าไปซึ่งก็ไม่แปลก ขนาดทุกวันนี้หน่วยงานราชการมีสื่อสังคมออนไลน์ประชาสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าประชาชนจะเห็น ในยุคอดีตที่ไม่มีอะไรนอกจากกระดาษ A4 ไปแปะประกาศที่หมู่บ้าน จึงไม่แปลกที่คนจำนวนมากจะตกสำรวจ บางคนก็ยังอ่านหนังสือไม่ออก และยังมาย้ำอีกใน 2.อะไรที่ไม่ได้ออกโฉนดคือพื้นที่ป่า และ 3.สำทับไปอีกคือการออกพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตป่า มีการขีดเส้นบนแผนที่ที่รายละเอียดน้อยมาก ทับใครไปบ้างแม้แต่คนขีดก็ยังไม่รู้
“เราต้องชวนให้คนในเมือง และคนที่กำลังอยู่ในเส้นทางที่เราจะต้องไปคุยกับเขาด้วยว่าเรามาสนใจ 3 เส้น 3 เวลานี้กันเถอะ แล้วคุณจะเรียกมันว่านิรโทษหรือไม่ แล้วแต่คุณ ไปบัญญัติมาก็แล้วกัน เพราะถ้าคุณเห็น 3 เส้นนี้ แล้วคุณจะเห็นแล้วว่าไม่เป็นธรรมยาวนานต่อเนื่องมาตลอดทุกครั้งที่มีการขีดเส้น 3 เส้น ฉะนั้นเรื่องเล่าต้องย้อนไปถึง 3 เส้นนั้นให้ได้ อย่าเพิ่งเล่าเฉพาะวันถูกจับ เพราะวันที่ถูกจับแปลว่าท่านไม่สามารถแยกแยะตัวท่านเองจากพวกหลังมิถุนา’41 ต้องแยกให้ได้เพื่อให้เราเกี่ยวข้องกับ 3 เส้นนั้น เส้นใดเส้นหนึ่งก็ยังดี” นายวีระศักดิ์ กล่าว
(ซ้าย) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ , (ขวา) ศ.(กิตติคุณ) สุริชัย หวันแก้ว
ศ.(กิตติคุณ) สุริชัย หวันแก้ว อดีตผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ชีวิตของประเทศไทยมีหรือเปล่า สังคมที่เราอยู่มีชีวิตร่วมกันหรือไม่ ซึ่งชีวิตของประเทศจะไม่มีหากเราไม่สามารถร่วมทุกข์กันได้ ในขณะที่กฎหมายถูกใช้เพื่อความสะดวกของนักกฎหมาย ไม่ใช่ความสะดวกของการทำความเข้าใจความทุกข์ของประเทศ หากประเทศไม่สามารถจะร่วมทุกข์กันได้ ก็ต้องช่วยกันตั้งคำถามว่าประเทศเรามีชีวิตร่วมกันอยู่ตรงไหน
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เราต้องการจะแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่เราอยากจะร่วมทุกข์กันได้ในบางแง่มุมที่เราเข้าใจกันได้ แล้วอันนี้ผมก็พูดเพราะมีความหมายต่อมหาวิทยาลัยด้วย มีความหมายว่ามหาวิทยาลัยร่วมทุกข์กับพี่น้องที่เผชิญกับการประกาศเรื่องซึ่งสำคัญมาก ก็คือป่าถูกทำลายเยอะ มันต้องทวงคืน นี่ก็ถูก แต่ว่าการประกาศบนภาษาที่คนยอมรับแต่ลึกๆ ไปกลายเป็นใช้ประกาศนั้นไปรังแกคนที่ยังฟังไม่ทันเลยว่าเราอยู่กันมาปู่ย่าตายาย ประเด็นแรกคือความทุกข์ร่วมกันเป็นคำซึ่งในศาสนธรรมที่เรารู้จักตั้งแต่เด็ก นั่นละคือความทุกข์ร่วม เรารู้สึกถึงโอกาสที่จะคิดข้างหน้าร่วมกัน” ศ.(กิตติคุณ) สุริชัย กล่าว
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีอะไรมาก คือตอนขีดเส้นกับแผนที่ ไม่ว่าจะเป็นป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ ตอนขีดใช้ดาวเทียมโดยไม่ได้ดูว่าจะไปกระทบกับประชาชนที่อยู่มาก่อนหรือไม่ และเมื่อประกาศออกไปประชาชนก็กลายเป็นผู้บุกรุก ทั้งที่ป่าสงวนหรืออุทยานต่างหากที่มาบุกรุกประชาชน เพราะการบุกรุกคือคนมาทีหลังมาบุกรุกคนมาอยู่ก่อน นี่คือปัญหาของประเทศไทยที่เอากฎหมายไปบุกรุกประชาชนแต่บอกว่าประชาชนบุกรุก
แต่การที่จะทำให้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสำเร็จออกมาได้ก็ต้องทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ซึ่งหลักการที่สำคัญคือสิ่งที่จะถูกย้อนกลับมาว่าทำแบบนี้คนบุกรุกป่าก็พ้นผิดกันหมดแล้วก็จะเกิดการบุกรุกกันอีกใหญ่โต ก็ต้องพูดให้ชัดว่าเราแก้ปัญหาป่าหรืออุทยานบุกรุกคน รวมถึงลูกหลานของเจ้าของที่ดิน ที่เป็นการสืบมรดกอันเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่กับคนที่มาซื้อที่ดินต่อจะครอบคลุมหรือไม่ เรื่องนี้จะเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ยิ่งซื้อต่อไปทำอย่างอื่น เช่น ทำรีสอร์ท ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่เพื่อทำกิน สิทธิ์นี้ก็ไม่ควรครอบคลุมไปถึง
“นี่เป็นรายละเอียด แต่ผมเพียงชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้จะสำเร็จถ้าเราชูเรื่องความเป็นธรรม เราแก้ปัญหาป่าบุกรุกคน อุทยานบุกรุกคน ตรงไหนป่าบุกรุกคน ตรงไหนอุทยานบุกรุกคน ก็ต้องไม่ผิด ความจริงไม่ควรเกิดการจับกุมแต่แรกอยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียทีก็ต้องนิรโทษกรรมเลยแล้วกัน แต่ว่าภายใต้หลักการนี้ นิรโทษกรรมคนซึ่งไม่ผิด ที่ไม่ผิดเพราะว่าป่าบุกรุกคน อุทยานบุกรุกคน คืออยู่มาก่อนการประกาศเขตทั้งหลาย ถ้าหากเราชัดเจนในการสื่อสารออกไปอย่างนี้ เรื่องของชื่อ 1 หมื่นชื่อก็ไม่ใช่เรื่องยาก” ผศ.ดร.ปริญญา กล่าว
ร่วมกิจกรรม "โครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศในภูมิภาคอาเซียน : แนวทางสู่อนาคต"
วันนี้ผมมาในนามสภาลมหายใจกรุงเทพฯ เพื่อร่วมประชุมกับกลุ่มนักวิชาการนานาชาติที่ทำงานเรื่องฝุ่น ที่ ศาลาการจังหวัดเชียงใหม่ทั้งวัน ภายใต้ "โครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศในภูมิภาคอาเซียน : แนวทางสู่อนาคต"
กิจกรรมนี้เป็นการประชุม work shop แบ่งปันประสบการณ์ และความร่วมมือเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน จัดโดยความร่วมมือระหว่าง สำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส AFD สถานทูตฝรั่งเศส และจังหวัดเชียงใหม่
โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และเอกอัคราชทูตฝรั่งเศสเป็นประธานเปิด
มี รองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่งประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กรมควบคุมมลพิษ สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาลมหายใจกรุงเทพฯ เครือข่ายนักวิชาการในไทย นักวิชาการฝรั่งเศส เยอรมันนี ญี่ปุ่น สกสว. AIT มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น
ร่วมประชุมคณะที่ปรึกษาร่วมมือพัฒนาองค์กรวิชาชีพ สมาคมหนังสือพิมพ์ฯ
สมาคมหนังสือพิมพ์ฯ ประชุมคณะที่ปรึกษาร่วมมือพัฒนาองค์กรวิชาชีพ สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการประชุมคณะที่ปรึกษา เพื่อพบปะหารือกับคณะกรรมการบริหาร และแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะแนวการทำงานและพัฒนาองค์กร รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ตามมาตรฐานวิชาชีพ
“ปัจจุบันมีสื่อมวลชนรูปแบบใหม่ และสื่อโซเชี่ยล ที่ทำโดยคนรุ่นใหม่ แต่การทำงานของคนหนังสือพิมพ์ยังคงมีมาตรฐานวิชาชีพ ในเรื่องความถูกต้อง แม่นยำ เชื่อถือได้ มีจริยธรรมวิชาชีพ ทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย ทำให้ข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์ และสื่อในเครือหนังสือพิมพ์เป็นที่เชื่อถือ ในฐานะที่สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นองค์กรแรกขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในประเทศไทย จึงต้องทำหน้าที่ในการพัฒนาให้ความรู้ การทำหน้าที่สื่อมวลชนตามหลักมาตรฐานวิชาชีพ ปลุกจิตสำนึกของผู้ประกอบวิชาชีพได้ตระหนักถึงการทำงานหน้าที่บนพื้นฐานของความถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อสังคม และให้ความสำคัญในเรื่องการใช้ภาษาที่ถูกต้องด้วย เพราะภาษาเป็นรากฐานของความเป็นชาติ” นายวีระศักดิ์กล่าว.
วังวน "วิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5"คลุมเมือง "แก้ไม่ได้-ไม่ได้ตั้งใจแก้"?
รายการตอบโจทย์ ทางสถานีไทยพีบีเอส TPBS https://www.thaipbs.or.th/program/TobJote/episodes/106239
ร่วมสนทนาประเด็น วังวน "วิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5"คลุมเมือง "แก้ไม่ได้-ไม่ได้ตั้งใจแก้"?
• ปัญหาวนเวียนเกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ความคาดหวังจากร่างกฎหมายอากาศสะอาด และมาตรการภาครัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ผู้ร่วมรายการ
• วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ | ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ
• สนธิ คชวัฒน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย
ผู้ดำเนินรายการ
• อภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์
#thaipbs #ช่องหมายเลข3 #ข่าวไทยพีบีเอส #ข่าวที่คุณวางใจ #ตอบโจทย์
----------------------------------
ติดตาม ข่าว และรายการดี ๆ ย้อนหลัง ของ #ThaiPBS ได้ที่ https://www.thaipbs.or.th และ / thaipbs