ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการประจำสำนักฯ ครั้งที่ 1/2568
สำนักบริการวิชาการ (UNISERV) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประชุมคณะกรรมการอำนวยการประจำสำนักฯ ครั้งที่ 1/2568
วันพฤหัสบดี ที่ 3 เมษายน 2568 สำนักบริการวิชาการ (UNISERV) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการประจำสำนักฯ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มอบนโยบายการดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิติพงษ์ ยอดมงคล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานกรรมการอำนวยการ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้ คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) คุณจรัญ คำเงิน (อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) คุณนพพร พิชา (ประธานกรรมการตรวจสอบ บ.โออิชิ จำกัด(มหาชน) ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ (ประธานหอการค้าเชียงใหม่) และคุณฐิติวัฒน์ ว่องวรรณกุล (กรรมการและผู้จัดการ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย
ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล ผู้อำนวยการสำนักฯ นำคณะผู้บริหารฯ รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการอำนวยการฯและรับฟังข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ
ณ ห้องประชุมฝ้ายคำ ชั้น 1 สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
บรรยายเปิดเวที เรื่อง" เมืองท่องเที่ยวกับคุณภาพอากาศ" ในงาน Thailand Sustainable Tourism Conference
29 มีนาคม 2568 ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต นายวีระศีกดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นวิทยากร ขึ้นบรรยายเปิดเวที เรื่อง" เมืองท่องเที่ยวกับคุณภาพอากาศ" ในงาน Thailand Sustainable Tourism Conference การสัมมนาด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนที่ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมพบผู้ให้บริหารการจัดการการท่องเที่ยวอย่งยั่งยืน จัดโดยมูลนิธิการท่องเที่ยวยั่งยืน ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต ททท. สำนักงานสสปน. อพท. บริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง และเครือข่ายต่างๆ
โดยนายวีระศักดิ์ชี้ให้เห็นกระบวนการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศ ทิศทางลมในแต่ละฤดูกาล การรับมือ การวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ การวางแผนจัดการคุณภาพอากาศล่วงหน้า ความแตกต่างของไฟป่าในภาคใต้กับภาคเหนือภาคตะวันตก การใช้ดาวเทียมตรวจจับจุดความร้อนการเผาในที่โล่งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ทิศทางความเปลี่ยนแปลงลมในใต้เส้นศูนย์สูตร ป่าพรุ และนิเวศสวนปาลม์ เป็นต้น
ทั้งนี้นายวีระศักดิ์มีข้อแนะนำเรื่องการลดการใช้รถยนต์ดีเซลในเมืองท่องเที่ยวในฤดูท่องเที่ยวของแต่ละเมือง การประกาศของภาคผู้ประกอบการบริการท่องเที่ยวที่จะไม่รับซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนเกี่ยวกับการเผา เป็นการสร้างวัฒนธรรมเมืองท่องเที่ยวที่ใส่ใจด้านความยั่งยืนที่ยกระดับขึ้นไปได้เรื่อยๆ การจัดการขยะ การจัดการน้ำดิบ น้ำทิ้ง และเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ที่กระทบถึงไทยครั้งนี้ เมืองท่องเที่ยวก็ต้องนำเรื่องภัยนี้มารวมบริหารความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบได้เลย
เช่นถ้ากิดในช่วงนักเรียนเปิดเทอม ต้องมีแผนรับมือที่ต่างจากช่วงปิดเทอมอย่างไร หากเกิดในเวลากลางคืนจะส่งผลกระทบมากกว่ากลางวัน การจัดพื้นที่และระบบสำรองสำหรับผู้คนพลเมืองและนักท่องเที่ยว ตลอดทั้งการจัดระบบสื่อสารที่เข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย ปฏิบัติตามง่าย และทันต่อสถานการณ์เสมอ โดยต้องมีแผนซ้อมรับมือสม่ำเสมอทั้งทางบกทางน้ำทางอากาศ
ประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "Clean Air For Blue Sky Asia"
วันนี้ผมได้รับเชิญในนาม ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ ไปขึ้นเวทีในนามผู้แทนไทยเรื่อง "ฝุ่นและมลพิษทางอากาศ" ร่วมกับ คณะผู้แทนลาว คณะผู้แทนกัมพูชา คณะผู้แทนเวียดนาม คณะผู้แทนอินโดนีเซีย และคณะผู้แทนมองโกเลีย ที่ศาลาว่าการ กทม.2 ดินแดง
เพื่อประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "Clean Air For Blue Sky Asia" จัดโดย องค์การสหประชาชาติเพื่อการพัฒนา UNDP ร่วมกับกระทรวงสิ่งแวดล้อม เกาหลีใต้ และ มหาวิทยาลัย อินชอน Inchoen University จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อหาทางยกระดับความรู้และความร่วมมือในการจัดการคุณภาพอากาศ ข้ามพรมแดน
โดยผมจะได้นำเสนอแนวทางการสร้างสภาลมหายใจภาคประชาสังคม ในเมืองต่างๆของประเทศต่างๆ เช่น สร้างสภาลมหายใจกัมพูชา สภาลมหายใจลาว และสภาลมหายใจลุ่มน้ำโขง เพื่อช่วยให้มีจุดรวมตัวของความรอบรู้ ให้ภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทำงานเชิงวิชาการ เข้าใจวิทยาศาสตร์สุขภาพ เข้าถึงข้อมูลดาวเทียม การใช้แอพลิเคชั่นอ่านทิศทางลม การสื่อสารภาษาถิ่น การเปรียบเทียบเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์และกฏหมาย เพื่อใช้สนับสนุนให้รัฐบาลผู้มีอำนาจในแต่ละพื้นที่ สามารถพัฒนามาตรการในการกำกับกลุ่มทุน ทั้งในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน ภาคขนส่ง ให้อยู่ภายใต้การกำกับติดตามร่วมกับภาคประชาชนและท้องถิ่นให้ใกล้ชิดขึ้นกว่าที่เป็นมา
ปีนี้เป็นปีแรกที่จำนวนจุดความร้อนในการเผาในที่โล่งและในป่าของลาวเพิ่มจำนวนแซงเมียนมาร์ และไม่น่าจะเป็นความประสงค์ของประชาชนลาวหรือรัฐบาลลาวที่ต้องการเช่นนั้น
และปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่มีการเผาป่าในกัมพูชามากจนผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นความต้องการของประชาชนหรือรัฐบาลในกัมพูชาเช่นเดียวกัน
แต่จากพิกัดที่พบทางดาวเทียม ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้จากภายนอก ว่าที่ดินแปลงนั้นๆอยู่ในการจัดการของบุคคล กิจการหรือหน่วยงานใด
ดังนั้น การมีสภาลมหายใจภาคประชาสังคมในพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถร่วมมือกันทำงานกับท้องถิ่นท้องที่ของบริเวณเหล่านั้นผ่านเครื่องมือทางเทคโนโลยีเท่านั้น จึงจะสามารถบอกได้ว่าพิกัดทางดาวเทียมที่มีการเผาไหม้ลุกลามอย่างไม่รับผิดชอบหรือเป็นแหล่งอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษทางอากาศในพิกัดนั้นๆ เป็นกิจการอะไร ชื่ออะไร ผลิตสินค้าอะไร ฝ่ายไหนเกี่ยวข้อง เพื่อใช้ส่งเป็นข้อมูลให้กันและกันในการช่วยกันตามหาผู้รับผิดชอบทางกฏหมายและรับผิดชอบทางการตลาดได้ต่อไป
ทั้งนี้เพราะปอดทุกคู่ของคนทุกคนในอนุภูมิภาคนี้..ต่างก็ล้วนใช้ลมหายใจเดียวกัน
ร่วมเวทีเสวนาเรื่อง "อุบลราชธานีเมืองหน้าด่านอาเซียนของไทยจะตั้งรับ PM2.5 อย่างไร"
15 มีนาคม 2568 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเปิดและมอบของที่ระลึกแก่วิทยากรร่วมเวทีเสวนาเรื่อง "อุบลราชธานีเมืองหน้าด่านอาเซียนของไทยจะตั้งรับ PM2.5 อย่างไร"
จัดโดย ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 12 ณ ห้องประชุมอาคารคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ในการนี้ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯได้เสนอให้เกิดการรวมตัวของพลเมืองตื่นรู้ ในรูปแบบสภาลมหายใจอุบลราชธานี และอาศัยการสื่อสารสัมพันธ์ระดับประชาชนและธุกิจ ตลอดจนการชวนเชิญให้นักศึกษาชาวลาว นักศึกษากัมพูชาที่เข้ามาเรียนในสถาบันการศึกษาในภาคอีสานร่วมกับกลุ่มผู้เดินทางเข้าเมืองมารับการตรวจสุขภาพ รักษาพยาบาล ที่มาจากลาวและกัมพูชาให้เห็นประโยชน์ด้านสุขภาพ โดยการกลับไปก่อตั้งสภาลมหายใจเมืองปากเซ ในลาว สภาลมหายใจจังหวัดพระวิหารในกัมพูชา แล้วจับมือกันทั้ง3สภาลมหายใจนี้มารับการฝึกอบรมการมองข้อมูลดาวเทียม การใช้แอพลิเคชั่นต่างๆที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อใช้ติดตามตรวจสอบค่าฝุ่น ทิศทางลม ตลอดจนพิกัดจุดความร้อนในจังหวัดของตนเอง เพื่อส่งสัญญานให้รัฐบาลของตนใช้กำหนดท่าทีและมาตรการในการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนของตนเอง
นอกจากนี้นายวีระศักดิ์ยังยกตัวอย่างมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ที่ประชาชนควรสนับสนุนให้รัฐออกระเบียบยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีที่ดินที่นำมาใช้ในการพักเศษวัสดุทางการเกษตร เช่นฟางข้าว ฟางข้าวโพด ใบอ้อย ใบไม้ เพื่อจะได้มีสถานที่รวบรวมชีวมวลเหล่านี้ไปจำหน่ายต่อแก่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าชีวมวล หรือการค้าฟางเพื่อคลุมดิน และเลี้ยงปศุสัตว์ การใช้ฟางปูคอกสัตว์ซึ่งช่วยเปลี่ยนภาระจากการเสี่ยงถูกเผาเป็นฝุ่นควัน ยังได้สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นจากฐานชีวภาพ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตลอดจนเป็นรายได้เสริมแก่เกษตรกรที่หลีกเลี่ยงการเผาไปด้วย
ทั้งนี้ภายหลังจบการเสวนา ปรากฏว่าสื่อมวลชนท้องถิ่นและผู้เข้าฟังการเสวนาต่างให้ความสนใจสนับสนุนแนวคิดข้อเสนอดังกล่าว และสนใจจะไปก่อตั้ง สภาลมหายใจภาคประชาสังคม เพื่อการขับเคลื่อนพลังร่วมกับเพื่อนๆพลเมืองอาเซียนและลุ่มน้ำโขงต่อไป
มนุษย์พึ่งพาระบบนิเวศน์ที่เปราะบางยิ่ง วีระศักดิ์ชี้ต้องเพิ่มมิติการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น
13 มีนาคม 2568 ในการประชุมวิชาการระดับชาติ ด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ครั้งที่ 20 จัดโดยสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าและองค์กรร่วมจัด โดยปีนี้จัดที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.ประสานมิตร) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง " เมืองกับความท้าทาย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต" เป็นเวลา หนึ่งชั่วโมง ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และศาสตราจารย์ ดร.อัมพร ธำรงลักษณ์ คณะกรรมการสมาคม คณาจารย์และนิสิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้การต้อนรับ
โดยนายวีระศักดิ์ได้ชี้ให้เห็นถึงกลุ่มปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั้งก่อตัวขึ้นในเมืองและที่ลามจากนอกเมืองเข้ามาสู่เขตเมืองว่ามีความซับซ้อนและต้องการการออกแบบและให้น้ำหนักทางนโยบายรัฐกิจอย่างเข้มข้น โดยสามารถจำแนกกลุ่มปัญหาท้าทายออกได้เป็น3ด้าน คือด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศน์ ซึ่งในด้านระบบนิเวศน์ยังแบ่งได้อีก 3กลุ่มได้แก่ 1 กลุ่มปัญหามลพิษ เช่นขยะล้น น้ำเสียปนเปื้อนโลหะหนัก อากาศเป็นพิษ 2 กลุ่มปัญหาจากความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่นน้ำทะเลยกระดับ อากาศสุดขั้ว และ 3 กลุ่มปัญหาจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เช่นการหายไปของแมลงผสมเกสร ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยนโยบายภาครัฐที่เข้าใจวิทยาศาสตร์ เข้าใจจิตวิทยามนุษย์และสังคม เข้าใจเศรษฐมิติของภูมิศาสตร์ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดังนั้นบทบาทของนักบริหารและผู้สนใจด้านรัฐประศาสนศาสตร์จึงมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการเชื่อมระบบ พัฒนาระบบเพื่อให้อำนาจรัฐและพลังทางสังคมและธุรกิจตลอดถึงชุมชนสามารถถักทอเสริมส่งกันและกันในการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษย์กำลังเผชิญและเรียนรู้ร่วมกันที่จะอยู่กับสถานการณ์ที่ยังไม่เคยมีมนุษย์ยุคใดๆเคยรับมือมาก่อน