ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
ตรงประเด็น ฝุ่นเหนือเริ่มหนัก ขณะ กทม.วันนี้หายใจเต็มปอด
สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายการ"ตรงประเด็น" ประจำวันที่ 10 ก.พ. 68
• ฝุ่นเหนือเริ่มหนัก ขณะ กทม.วันนี้หายใจเต็มปอด แต่ยังต้องเฝ้าระวัง
• ฝุ่นอยู่กับเราตลอดปี เปิดสูตร 8:3:1 ต้องแก้ต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะหน้า
https://www.thaipbs.or.th/program/ActiveFocus/episodes/106606
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์’ ซัดคนบางกลุ่มไร้จิตสำนึกเผาป่าหวังเพียงได้หญ้าใหม่ไว้เลี้ยงวัว
ที่มา https://thestatestimes.com/post/2025020311
วัวเหล่านี้มีกลุ่มคนต่างชาติทยอยต้อนมาจากภาคกลางอันแห้งแล้งของเมียนมาร์ ผสมกับวัวปลดระวางจากอินเดียที่มีกม.ห้ามฆ่าโค ดังนั้น วัวถูกลำเลียงมุ่งสู่ชายแดนไทยจีนลาว เพื่อรอส่งข้ามไปขายในจีนและเวียดนาม ซึ่งมีดีมานด์สูง ราคาดี
แต่การส่งมักเอามาขุนในป่ารอยต่อชายแดนไทย เพราะสงบ ไม่มีสงคราม มีน้ำมีป่า ขอแค่จ้างคนท้องถิ่นช่วยดูห่างๆ เลี้ยงปล่อยป่า หาน้ำหาใบไม้ป่ากินในหน้าฝน พอใบไม้ร่วงเต็มป่าก็จะจุดไฟทำลายใบไม้แห้ง เพื่อเปิดดินให้โดนน้ำค้างยามเช้า อาทิตย์เดียวหญ้าจะขึ้นเอง เพราะมีดินมีแดดและมีความชื้นของน้ำค้าง
พวกต้อนวัวมีอาวุธ มีทักษะ มีความสามารถคุ้มครองคาราวานวัวเดินทางข้ามอนุภูมิภาคจากปากีฯ อินเดีย บังคลาเทศ เมียนมาร์ ผ่านชนกลุ่มน้อยติดอาวุธสารพัดแบบ ด่านปศุสัตว์ไทยปืดไม่ให้เข้าตั้งแต่ปีที่แล้ว พวกนี้จึงต้อนวัวเข้าทางธรรมชาติคืนละ 40-50 ตัวไปพักในป่า
คาดว่าเวลานี้มีวัวแบบนี้ ติดโรคระบาดมา เกินหมื่นตัวขึ้นไป ตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ ตั้งแต่ระนองไปถึงแม่ฮ่องสอน วัวจะหากินใกล้ลำธารน้ำ คนเฝ้าจึงทำหน้าที่หาแปลงป่าที่แห้งพร้อมเผาแล้วปล่อยไฟให้กว้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเปิดหน้าดินให้เกิดหญ้าระบัดใหม่ให้วัวได้เล็ม แสบมากครับ
เผาในที่ๆไม่มีถนนหนทาง การตามดู ตามจับ ตามดับยากมากๆ สัตว์ป่า นก แมลง พันธุ์พืช เสียหาย ฝุ่นลอยไปทำลายอากาศได้ไกลข้ามภาคข้ามประเทศ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากมาย
คนต้อนวัวมีหลายกลุ่ม หลายชาติพันธุ์ แต่ไม่ค่อยขัดแย้งกัน รัฐอาจต้องกางนโยบายใหม่ ว่าจะเอาไงกับเรื่องนี้ จับคนก็คงต่องทำและคงต้องระดับตชด.ทหารพราน ต้อนวัวมายึดกักก็ต้องเตรียมคนเตรียมที่กัก สกัดโรคระบาดสัตว์เช้าป่า เช้าเมือง หรือเข้าฟารม์ หรือจะทำอย่างไรก็คงต้องจัดวางนโยบายให้ครบวงจรต่อไป ไม่งั้นไปกันใหญ่แน่นอน
เวลานี้ที่ตาก ปีนี้เป็นแชมป์ไฟป่าบนแนวรอยต่อชายแดนเยอะมาก เป็นกลุ่มไฟป่าที่ใหญ่สุดของประเทศละครับ
วัวปลดระวางย่อมไม่ได้รับวัคซีน เเถมเอามาเดินทางไกล ผ่านสารพัดป่าและเส้นทางสู้รบ ปะปนกันมาเป็นฝูง กินอยู่อย่างไม่ถูกสุขลักษณะ พยาธิเพียบ แมลงกัดเยอะ แถมมีอายุมาก การรักษาแทบไม่มี วัวเหล่านี้จึงเป็นพาหะที่ต้องระวังมาก เพราะจะจบลงบนจานอาหารทุกตัว ตลาดวัวเถื่อนในไทยก็รับวัวพวกนี้บางส่วนมาเชือดครับ
"นพพรชวนคุย" เจาะลึกความเป็นมาของ พ.ร.บ.อากาศสะอาด
ทีม Mojo Club ชุมชนของคนเล่าเรื่อง โดยประชาชนจิตอาสาที่อยากเห็นบ้านเมืองไทยต้องดีกว่านี้ ได้รวมตัวกันผลิตรายการจิตอาสา (ปัจจุบันมี 13 รายการ) เผยแพร่ช่องทางออนไลน์ ตามความถนัดของแต่ละคน และรายการ "นพพรชวนคุย" คือ รายการที่ 13
อังคารที่ 4 กพ. 68 เวลา 16.00 - 16.30 น. ขอเชิญรับชมทางออนไลน์
ดำเนินรายการโดย นพพร (นพภา) พันธุ์เพ็ง
แขกรับเชิญ : คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมต. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ และคณะทำงานพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
รูปแบบรายการ : พูดคุยแลกเปลี่ยนแบบ เจาะลึกและตีแผ่ประเด็นที่สำคัญให้พลเมืองตื่นรู้ รับมือและเห็นทางออกในการแก้ปัญหา
- เจาะลึกความเป็นมาของ พ.ร.บ.อากาศสะอาด
- ความจำเป็นเร่งเด่นในการแก้ปัญหา
- วิธีการบังคับใช้กฎหมาย
- พ.ร.บ.อากาศสะอาดจะช่วยให้อากาศเมืองไทยดีขึ้นอย่างไร
วีระศักดิ์ชี้ อย่างน้อย 6 มาตรการ แก้ปัญหา PM 2.5 ที่สามารถทำได้ทันที
ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1166379?anf=
12 ก.พ. 2025 "ฝุ่น PM 2.5" นับเป็นปัญหาเรื้อรังที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนภาคเหนือและกรุงเทพมหานครมาไม่น้อยกว่า 10 ปี และยังแก้ไม่ได้ ที่สำคัญดูเหมือนปัญหาจะขยายวงกว้างครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยมากขึ้น
ล่าสุด จากการเปิดเผยรายงานสถานการณ์เด่นทางสุขภาพ “จากไฟป่า สู่ไฟเกษตร”ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ สำนักข่าว Rocket Media Lab และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล (Data-Driven Society)
ซึ่งรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่การเผา ปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตัวเลขผู้ป่วยโรคจากมลพิษทางอากาศ ระหว่างปี 2566-2567 ภายในกิจกรรม PM2.5 Talk Forum รู้ลึกก่อนใคร….สถานการณ์ฝุ่นปี 2567 เพื่อเฝ้าระวังอนาคต พบว่า การเผามีพื้นที่ใหม่ๆเกิดขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
ไม่ซื้อสินค้าเชื่อมแหล่งก่อ PM 2.5
ช่วงหนึ่งของงานมีการเสวนา “มองข้อเท็จจริงและอนาคตการเผาที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5” ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ นำเสนอ 6 มาตรการในการแก้ปัญหาที่มองว่าสามารถทำได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ประกอบด้วย
1 .ข้อมูลการตลาด ภาคประชาสังคมและพลังผู้บริโภคต้องเข้มแข็ง ด้วยการช่วยกันค้นหาเปิดเผยสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับแหล่งกำเนิดPM 2.5 และไม่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์นั้น เป็นการลดแหล่งกำเนิดจากการเผาต่างๆ เช่น จากโรงงานน้ำตาล 60 แห่งมี 20 แห่งที่ยังรับซื้อ้อยที่มีการเผา ก็เปิดเผยชื่อโรงงานและยี่ห้อน้ำตาล เป็นต้น
2. ลดแหล่งกำเนิดจากการใช้รถ เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันEURO 5 เป็น EURO 6 ในราคาที่ไม่แพงมากนัก ร่วมกับการกวดขันและติดตามรถควันดำร่วมกับภาคประชาชน
3. ภาคอุตสาหกรรมที่ยังมีการพูดน้อยถึงว่าเป็นแหล่งก่อPM 2.5 ควรมีการนำโดรนมาบินปลายปล่องโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อวัดปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกมาแทนการใช้วิศวกรปีนขึ้นไปวัด
4. ขอให้กระทรวงการคลัง ออกระเบียบเรื่องภาษีที่ดิน ในการกำหนดพื้นที่ยกเว้นภาษีที่ดิน ให้กับพื้นที่พักฟาง ก็จะได้พื้นที่ว่างของภาคเอกชนมาให้เกษตรกรพักฟางทุกตำบลทั่วประเทศจะได้ไม่ต้องมีการเผาพื้นที่เกษตร แต่จะต้องมีการดูแลที่ดีไม่ให้ฟางเกิดไฟไหม้ และรอให้ผู้มาซื้อฟางไปทำอาหารสัตว์ หรือโรงงานไฟฟ้าชีวมูล
5. จัดตั้งคณะกรรมการลุ่มอากาศ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนจังหวัดที่อยู่ในทิศทางลมทั้ง 3 แบบคือ ลมหนาว ,ลมตะวันตกเฉียงใต้ และลมตะเภาที่ส่งผลต่อการพัดพา ฝุ่นPM2.5 โดยก่อนที่จะถึงช่วงเวลาของสภาอากาศและทิศทางลงแต่ละแบบเกิดขึ้น คณะกรรมการนี้ก็มาบริหารจัดการร่วมกันภายใต้สูตร 8/3/1 โดยร่วมวางแผนลดปัญหาล่วงหน้า 8 เดือน ส่วนช่วง 3 เดือนที่สภาพอากาศปิดเป็นฝาชีก็ไม่ให้มีการเผา และ 1 เดือนหลังจากนั้นใช้ในการถอดบทเรียนเพื่อปรับในปีต่อไป
6. ส่งเสริมสนับสนุนการจัดตั้งสภาลมหายใจให้เกิดขึ้นทุกจังหวัด ลงลึกถึงระดับพื้นที่ และนำไปสู่การจัดตั้งสภาลมหายใจCLMV เพื่อร่วมขับเคลื่อนปัญหาระหว่างประเทศ
5 มาตรการในแผนปฏิบัติการฯ ฉบับ2
ขณะที่กลไกของภาครัฐที่มีการดำเนินการแก้ปัญหาอยู่นั้น ศิวพร รังสียานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยใช้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2568 – 2570) มีแนวคิดพัฒนาระบบบริหารจัดการมลพิษทางอากาศแบบูรณาการ โดยการป้องกัน ลดและควบคุมหล่งกำเนิด เพื่อให้ทุกคนมีสิทธิในอากาศสะอาด
มุ่งเน้นสร้างเครื่องมือ กลไก เทคโนโลยี กฎหมาย กฎระเบียบ มาตรการจูงใจ มาตรการทางเศรษฐศาสตร์ และการบังคับใช้กฎหมาย สอดคล้องและรองรับพ.ร.บ.อากาศสะอาด โดยมี 2 เป้าหมายสำคัญ คือ 1.ค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ใน 24 ชั่วโมง ลดลงอยู่ในระดับที่มาเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และ2.พื้นที่เผาไหม้(Burn Scar)ลดลง ไม่น้อยกว่า 50 % เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
ดำเนินการ 5 มาตรการ คือ
1.พื้นที่เมือง เรื่องคมนาคม อุตสาหกรรม
2.พื้นที่ป่า ทั้งป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชุมชน
3.พื้นที่เกษตรกรรม เกษตรพื้นที่ทั่วไป เกษตรในป่า
4.มลพิษข้ามแดน
5.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
การขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติ ในระดับชาติ อำนวยการ มอบหมาย ควบคุมกำกับ และติดตามการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นตามความเหมาะสมและจำเป็น
ระดับกลุ่มจังหวัด/ข้ามเขต เป็นรูปแบบ แนวทางและวิธีบริหารจัดการที่เหมาะสมชองแต่ละกรณี จากลักษณะเฉพาะของสภาพปัญหาพื้นที่ที่มีสภาพปัญหาซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องข้ามพื้นที่หรือข้ามจังหวัด หรือมีความเฉพาะของระบบนิเวศ หรือกลุ่มเฉพาะด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรมหรืออื่นๆ และระดับพื้นที่ ระบบศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) ภายใต้พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือคำสั่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเชื่อมโยงนโยบายสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่
การประชุมวิชาการนานาชาติรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 2025
29 มกราคม 2568 กิจกรรมเวที Side Event ของงาน "การประชุมวิชาการนานาชาติรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 2025"
ในหัวข้อ "มลพิษทางอากาศ PM 2.5 Trader : Accountability and Technological Innovations for Air QualityandHealth"
ที่ Centara Grand & Bangkok Convention Center ที่ Central World
จัดโดย คณะกรรมการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ สำนักงานสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)
โดยวันนี้เป็นการนำเสนอมุมมองและข้อค้นพบจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านมลพิษทางอากาศจากมาเลเซีย ลาว ผู้เชี่ยวชาญจากUNESCAP และไทย จากแวดวงนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยเคมี แพทย์ วิศวกร นักกฏหมาย นักการเกษตร นักวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียม นักวิเคราะห์สภาพอากาศ ที่มาร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญแก่กัน ชี้ให้เห็นว่าทางแก้ของปัญหาฝุ่น PM2.5 นั้นมีทางออกที่เป็นไปได้ โดยต้องใช้หลายเครื่องมือมาประกอบกัน ทั้งยังเห็นพ้องว่า การมีข้อมูล Air Shed หรือลุ่มอากาศในแต่ละอนุภูมิภาคจะเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนปฏิบัติสำหรับแต่ละพื้นที่ที่ไม่ต้องเหมือนกัน การเชื่อมความร่วมมือข้ามประเทศ ภาคทางการและภาควิชาการ ภาคธุรกิจ ตลอดถึงภาคประชาสังคมข้ามประเทศเท่านั้นจึงจะสามารถคาดหวังความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ โดยเวลานี้บรรดารัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ได้ลงนามเห็นชอบข้อตกลงร่วมมือในการบริหารปัญหามลภาวะทางอากาศจากการ้ผาชีวมวลในภูมิภาคร่วมกันแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพให้กับประชากรที่มีอยู่หนาแน่นมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
ส่วนความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรม ก็จะเป็นอีกสาขาที่ต้องใช้ฐานวิชาการด้านมลพิษทางอากาศมากระชับความร่วมมือเร่งด่วนต่อไป