ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
โครงการทำประโยชน์แก่สังคมและประชาชน The Ten สิบเส้นทาง สู่ความยั่งยืน One End Ten Ways

ว่าที่ “ผบ.ทหารสูงสุด” รุ่นพี่ วปอ.63 กล่าวเปิดงานและชื่นชมโครงการทำประโยชน์แก่สังคมและประชาชน The Ten สิบเส้นทาง สู่ความยั่งยืน One End Ten Ways
พลเอก อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ รองผบ.ทหารสูงสุด และ ว่าที่ผบ.ทหารสูงสุด คนใหม่ เปิดงาน “ The Ten สิบเส้นทางสู่ความยั่งยืน“ ของ นักศึกษา วปอ.67 โดยมี พลเอก พงศ์เทพ แก้วไชโย ผบ.สปท. และ พลโท ทักษิณ สิริสิงห ผอ.วปอ. ร่วมงาน มีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ บรรยายพิเศษ เรื่อง "ลดความเหลื่อมล้ำด้วยความสร้างสรรค์ของเรา"
โครงการนี้ ดำเนินตามนโยบายของ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ที่ต้องการให้ นักศึกษา วปอ. ได้ใช้คอนเนคชั่น ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือสังคม และประชาชน ที่ ลาน EDEN ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
โดยมีการจัดออกบู๊ธแสดงผลดำเนินการร่วม 10 หมู่ จากนักศึกษา วปอ.67 ที่ ไปทำโครงการส่งเสริมอาชีพ ร่วมกับชาวบ้าน ในจังหวัดต่างๆ โดยมีนิทรรศการนำเสนอ ได้แก่
1. หมู่ไก่ฟ้า : โครงการรวมใจคืนผืนป่าไทยให้ชุมชน นำผลผลิตสร้างอาชีพสู่ความยั่งยืน
2. หมู่นกเค้าแมว : โครงการ เติมเต็มท่ามะนาว การท่องเที่ยวชุมชนด้วยความยั่งยืน
3. หมู่นกยูง : โครงการ ธนาคารชันโรง:เพื่อเกษตรสีเขียว
4. หมู่นกหัวขวาน : โครงการพลิกขยะอาหาร สร้างอนาคตที่ยั่งยืน ในโรงเรียนวัดปลูกศรัทธา
5. หมู่เหยี่ยว : โครงการสร้างอนาคตให้มีพลังยั่งยืน From Cradle to Career หนองคา-บ้านโป่ง โมเดล
6. หมู่กวาง : โครงการโรงเรียนบันดาลใจของหมู่บ้านน้ำแดง
7. หมู่ช้าง : โครงการ Social Vaccine for HERO ภูมิคุ้มกันจากใจ เพื่อเด็กไทยสู่ฮีโร่ ในชุมชนคลองเตย กทม.
8. หมู่วัว : โครงการน้ำบาดาลเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในชนบท
9. หมู่สิงโต : โครงการส่งเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มจากการบจัดการขยะในชุมชนต้นแบบ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
10. หมู่เสือ : โครงการ Able Prime วิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อยกระดับ การฝึกและจ้างงานคนพิการ










บรรยายทิศทางการทำงาน "นักจัดการภัยพิบัติ 8 ระบบ" รุ่นที่ 1 จัดโดยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภาฯ

วานนี้อยู่บนดอยภาคเหนือ วันนี้มีบินลงใต้ไปในดินแดนที่มีภูเขาใหญ่ ของ ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อบรรยายทิศทางการทำงาน การผูกความร่วมมือและกล่าวนโยบายก่อนจบปิดหลักสูตรกลุ่มผู้ผ่านการอบรม "นักจัดการภัยพิบัติ 8 ระบบ" รุ่นที่ 1 จัดโดยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภาฯ ร่วมกับ สสส. และกรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน แล้วบินกลับมากรุงเทพฯตอนดึกๆเลยครับ
ภัยพิบัติมีหลายอย่าง แต่ในภาวะฝนเหวี่ยงจากภาวะโลกเดือด อุทกภัยรุ่นใหม่ๆ มักไม่ใช่เรื่องน้ำท่วมขังอย่างเคยๆเสียแล้ว แต่เป็นเรื่องน้ำไหลบ่า ฝนมาแรง โคลนมาเร็ว เพราะดินตามที่สูงไม่สามารถอุ้มน่ำได้เท่าเดิม เพราะจำนวนไม่น้อยถูกโค่นไม้ใหญ่ ไม้รากลึก เผาป่าจนเกิดน้ำมันบางๆจากไม้ที่เคลือบผิวดินไว้จนดินเริ่มสะท้อนน้ำ น้ำลงจากเขาจึงพุ่งแรงขึ้น ชะขอบตลิ่งและกวาดเศษสิ่งต่างๆสร้างพลังทำลายสูงขึ้น ดึงมวลดินโคลนลงมาทับกระแทกสิ่งต่างๆที่ขวางมัน สะพาน ถนน ระบบสาธารณูปโภคถูกตัดลง ผู้คนสูญเสียพลังเพราะทางการจากภาคเมืองจะเข้าไม่ถึงช่วยไม่ทัน
การฝึกการจัดการภัยพิบัติตั้งแต่ฝึกอ่านดัชนีความเสี่ยงให้คล่อง มองข้อมูลให้เป็น สื่อสารให้ผู้คนขยับหลบจากเส้นทางเสี่ยง มีบัญชีระบบช่วยเหลือผู้เปราะบาง จัดวางอาสาสมัครในพื้นที่ให้รู้หน้าที่ มีบทบาทไม่ทับซ้อนแต่ประสานได้ว่องไว มีระบบสื่อสารสำรอง มีวิธีเตือนภัย มีระบบอพยพผู้คน มีจัดพื้นที่รองรับ มีเตรียมกซ้อมภัยสม่ำเสมอ ล้วนเป็นปัจจัยใหญ่ที่ช่วยให้ผ่อนหนักเป็นเบา ชุมชนรักกันมากขึ้น มีทั้งทักษะ มีทั้งสามัคคี มีความสามารถช่วยกันเอง และยังอาจเพิ่มขยายวงไปช่วยพื้นที่ข้างเคียงได้อีกมากครับ
ตามแผนที่ทางความคิดที่เคยวางไว้กับเครือข่าย นักเผชิญเหตุระดับสนามก็มีฝึก นักอ่านวิเคราะห์ภัยก่อนเกิดก็มีให้สร้าง นักบริหารเหตุการณ์ก็ต้องพร้อมหลายๆ ระบบฝึกซ้อม ฝึกอบรมจนจบไปหลายๆแบบมาตั้งแต่ปี 2566





มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เชิญถุงยังชีพพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ณ จังหวัดเชียงใหม่

10 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดตั้งตามพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ องค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เชิญถุงยังชีพพระราชทานมอบให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ณ จังหวัดเชียงใหม่
โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เลขาธิการมูลนิธิฯ นายเอสนะ ชินชำนาญ ผู้อำนวยการกองงานในพระองค์พระเจ้าวรวงศ์เธอฯ กรมหมื่นสุทธนารีนาถ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เข้าร่วมในพิธี เชิญถุงยังชีพพระราชทานถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 100 รูป และมอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่เเจ่ม จำนวน 2,000 ถุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจให้กับประชาชน
จากสถานการณ์พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ที่อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น และเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ประชาชนได้รับผลกระทบใน 4 ตำบล 35 หมู่บ้าน 769 ครัวเรือน 2,816 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมจำนวน 25 ราย และบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 157 ครัวเรือน 980 คน
"มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย” เป็นองค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไร จัดตั้งตามพระดำริของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งเป็นนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และมี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นประธานกรรมการ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเชื่อมโยงให้ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมกันเกื้อหนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามทุกข์ยากจากอุทกภัยและภัยพิบัติที่รุนแรง คือการร่วมกัน ระดมองค์ความรู้ นวัตกรรม กำลังแรงกาย ทุนทรัพย์ และ จิตสาธารณะเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างครบวงจร รวมทั้ง การพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ผู้ทุกข์ยากน้อยกว่าช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากมากกว่า ผู้ที่แข็งแรงช่วยผู้อ่อนแอ โดยมุ่งเน้นการประทังชีวิตและการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ตลอดระยะเวลา 30 ปี มูลนิธิฯ ปฏิบัติงานและยึดหลักภายใต้แนวคิด “แบ่งปัน พอเพียง ยั่งยืน“





โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการเฝ้าระวังและการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 จัดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการเฝ้าระวังและการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ ระหว่างวันที่ 5 – 6 กันยายน 2568 ณ จังหวัดกาญจนบุรี
วันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 9.00 น. ที่ โรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง ตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เลขาธิการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และเภสัชกรหญิง สุภัทรา บุญเสริม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการเฝ้าระวังและการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ รุ่นที่ 3 และ 4 พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์ และสื่อความรู้การช่วยคนตกน้ำ ให้กับสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี สำหรับชุมชนนำไปติดไว้ในพื้นที่มีแหล่งน้ำเสี่ยงในชุมชน เป็นการป้องกันและให้ความรู้แก่ชุมชนก่อนเกิดเหตุ
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ดำเนินงานเข้าสู่ปีที่ 30 ซึ่งมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ องค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพมูลนิธิฯ และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ โดยมีพันธกิจในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั้ง 3 ด้าน ตั้งแต่
1. ภารกิจด้านการ“เฝ้าระวัง”เพื่อลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
2. ภารกิจด้านการ“บรรเทาทุกข์”เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อาทิ การแจกถุงยังชีพพระราชทาน, การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน, การอพยพประชาชน
3. ภารกิจด้านการฟื้นฟู ทั้งระยะสั้น อาทิ การซ่อมสร้างและทำความสะอาด (Big Cleaning) พื้นที่เกิดอุทกภัย และระยะยาว อาทิ การพัฒนาแหล่งน้ำ และการฟื้นฟูอาชีพอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “แบ่งปัน – พอเพียง - ยั่งยืน”
กิจกรรมในวันนี้ เป็นหนึ่งภารกิจในด้านการ“เฝ้าระวัง” ซึ่งมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ
1. พัฒนาศักยภาพ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และเครือข่ายในพื้นที่ ให้มีความรู้ ทักษะ และความพร้อมในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ
2. เสริมสร้างความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อจัดตั้งระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ
3. สร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำอย่างยั่งยืน
การอบรมหลักสูตรการป้องกันการจมน้ำ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำขั้นพื้นฐาน มีนักเรียน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมอบรม จำนวน 150 คน มีการให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ (Water Safety Knowledge) การเฝ้าระวังและจัดทำนวัตกรรมอุปกรณ์การกู้ภัยให้กับชุมชน การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ (Water Rescue) และการเอาชีวิตรอดและพื้นฐานการว่ายน้ำ (Swim and Survive)

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ในจำนวนเด็กไทยที่อายุต่ำกว่า ๑๕ ปีพบการเสียชีวิตอันดับ ๑ มาจากการจมน้ำเฉลี่ยปีละ ๑,๒๓๔ คน หรือวันละ ๓-๔ คน ระหว่างปี ๒๕๔๖-๒๕๕๖ หรือในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา มียอดเสียชีวิตรวมถึง ๑๔,๗๘๙ ราย เป็นการเสียชีวิตในแหล่งน้ำธรรมชาติมากที่สุด ๔๙.๔ % และมักจะจมน้ำเสียชีวิตพร้อมกันหลายๆคน




เครือข่าย "การขับเคลื่อนมุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาดน้ำมั่นคง " สำหรับภาคเหนือตอนบน

จ.น่าน ในกิจกรรมหารือแนวทางการทำงานร่วมกันของภาคีที่เป็นเครือข่าย "การขับเคลื่อนมุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง " สำหรับภาคเหนือตอนบน

