ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
ร่วมเวทีอภิปราย ‘’เขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) กรุงเทพมหานคร
20 กุมภาพันธ์ 2567 นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ในฐานะ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ ร่วมเวทีอภิปราย ในหัวข้อ ‘’เขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) กรุงเทพมหานคร ร่วมกับวิทยากรจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งราชการและเอกชน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือในการทำให้กรุงเทพฯหลายๆเขต ได้แก่ ปทุมวัน คลองสาน บางรัก ป้อมปราบศัตรูพ่ายและเขตบางรัก เกิดมาตรการความร่วมมือภาคสมัครใจเพื่อมุ่งสู่การลดปัญหาคุณภาพอากาศ
งานวิจัยชี้ว่า กว่า 57% ของมลพิษทางอากาศในกรุงเทพมาจากการจราจร
ดังนั้นด้วยการจับมือกับ สถานประกอบการรายใหญ่ๆ ให้สื่อสารตรงกับรถบรรทุก และมอเตอร์ไซค์ที่เข้ามารับส่งสินค้าให้ปรับปรุงเชื้อเพลิง โดยเฉพาะดีเซลมาตรฐานใหม่ยูโร 5 การเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น และทำความสะอาดเครื่องยนต์และไส้กรองอากาศ เพื่อช่วยลดปริมาณควันดำจากไอเสีย ทั้งนี้โดยได้รับความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และน้ำมัน ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนบริการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ในราคาถูกพิเศษ เพื่อให้ยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ต้องแล่นขนส่งสินค้าตลอดเวลาเหล่านี้ ลดการปลดปล่อยควันดำควันขาวและฝุ่นลงให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ก็ให้รวมถึงพาหนะของพนักงาน ตลอดถึงลูกค้า และระบบขนส่งสาธารณะที่เข้ามาในเขตด้วย
กิจกรรมเวทีครั้งนี้จัดขึ้นที่ ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยความร่วมมือระหว่าง ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศอว.) โดยการสนับสนุนของ สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับ สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.
https://www.bangkokbiznews.com/environment/1114067
เสวนาหัวข้อ ‘’Finance for Biodiversity: Towards a Nature-Positive Pathway“
19 กุมภาพันธ์ 2567 นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นผู้กล่าวปาฐกถาพิเศษสรุป ก่อนพิธีปิดการเสวนา ในหัวข้อ ‘’ Finance for Biodiversity: Towards a Nature-Positive Pathway “
เวทีนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย กองทุน AFD แห่งรัฐบาลฝรั่งเศส สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนของ IUCN UN ESCAP ธนาคารแห่งประเทศไทย กลต. BOI ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ Global Compact Thailand ธนาคารกรุงไทย BEDO เป็นต้น นับเป็นเวทีที่วงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและวงการการเงินการคลังทั้งในและระหว่างประเทศได้มาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวคิดกัน ทั้งนี้เพื่อระดมพลังเตรียมตัวสำหรับประกอบท่าทีไทยในการเข้าร่วมประชุมอนุสัญญาคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ หรือ COP 16 ที่จะมีขึ้นในปีนี้ที่ประเทศ โคลัมเบีย
เวที Finance for Biodiversity ครั้งนี้ จัดที่อาคาร C-ASEAN ถนนพระราม4 มีวิทยากรที่มีชื่อเสียงได้รับเชิญมาร่วมเวทีมากมาย ทั้งจากผู้เชี่ยวชาญในประเทศและต่างประเทศ
โดยในการกล่าวปิดท้าย นายวีระศักดิ์ได้กล่าวถึงความจำเป็นที่ภาคส่วนอื่น นอกวงการอนุรักษ์โดยเฉพาะภาคการเงินและธุรกิจที่ควรจะเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนเพื่อการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเอาไว้ให้ได้ เพราะไม่มีกิจกรรมใดของมนุษย์ที่สามารถดำเนินต่อได้ ถ้าวงจรของระบบนิเวศน์จะล่มสลายหรือขาดตอนลง
‘’…เราอาจใช้ดาวเทียมตรวจจับอุณหภูมิ ตรวจจับการรั่วไหลของก๊าซเรือนกระจก ไฟป่า หรือการใช้ผิวดิน สำรวจทรัพยากรใต้ดินได้ แต่ดาวเทียมไม่อาจตรวจจับการขาดตอนลงของระบบนิเวศน์การพึ่งพากันของเผ่าพันธุ์พืชหรือเผ่าพันธุ์สัตว์ใดๆได้ ดังนั้นเราจึงไม่อาจรู้เลยว่า tipping points ของปัญหาการสูญเสียเผ่าพันธุ์ต่างๆในธรรมชาติจะอยู่ที่จุดไหน
หากผึ้งหายไปหมด สัตว์และมนุษย์แทบจะสูญพันธุ์ตามไปในเวลาไม่ถึง 6 ปี เพราะทุกชีวิตบนแผ่นดินทุกทวีปอาศัยแหล่งอาหารจากพืชมาเป็นจุดเริ่มทั้งสิ้น
ถ้าวาฬในมหาสมุทรสูญพันธุ์ไปจากที่เหลือล้านตัวสุดท้าย แพลงตอนพืชที่ได้ปุ๋ยจากมูลวาฬอันอุดมด้วยแร่ธาตุที่แพลงตอนต้องใช้ประกอบการสังเคราะห์แสง แปลงคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาเป็นออกซิเจนกว่า 65% บนโลกใบนี้ก็จะหายไป แล้วสัตว์และมนุษย์จะหายใจได้อย่างไร…‘’นายวีระศักดิ์กล่าวในที่สุด
ปิดท้ายด้วยคำกล่าวที่เรียกเสียงปรบมืออย่างยาวนานก่อนจบการปาฐกถาว่า
‘’… How do you put a price on saving the earth We are putting trillions of dollars to rescue our economies
Our countries Our communities
But healthy proporous communities also depend on a healthy planet
The food we eat
The water we drink
The air we breathe
They all depend on Nature
So how do we ensure the investments we make now
Are good for the future
If we dug into the numbers creatively and bravely, We can have great thriving economies and a thriving planet
But we need some changes We will have to stop investing in ways that degrade the planet
Get creative with new investments from both the public and private sectors
And we have to spend the money we have more efficiently
Putting our money to work for People and Nature
We can’t return to business as usual
It’s time to do better
It’s time to be better
It’s time for nature
And the time is Now…”
ร่วมเวทีสนทนา ‘’มรดกจากธรรมชาติ การสืบทอดและรักษา’’
17 กุมภาพันธ์ 2567 คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเวทีสนทนาในหัวข้อ ‘’ …มรดกจากธรรมชาติ การสืบทอดและรักษา…’’ ร่วมกับ พ่อคำเดื่อง ภาษี ปราชญ์ชาวบ้านจากแดนอีสาน ผู้สร้างตำนานการปลูกป่าในนาข้าว ปาน ธนพร โอ อนุชิต จ้ะจ๋า แดนดาว ยมาภัย ดารานักแสดง คุณวันเพ็ญ มีศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี และคุณพวงเพชร สุพาวานิชย์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ‘’มหัศจรรย์เมล็ดพันธ์ุเหนือมิติ The Magic Seeds เมล็ดพันธ์ุมหัศจรรย์เหนือมิติ สู่มหัศจรรย์ความยั่งยืน ’’ ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทอดความรู้และความรักในธรรมชาติของวัยรุ่นหนุ่มสาวผ่านการเรียนรู้จากกลุ่มปราชญ์ชุมชนที่ทำเกษตรธรรมชาติ รักษาความหลากหลายและการสร้างความยั่งยืนให้แก่ชีวิตและชุมชน ตลอดถึงคืนความสมบูรณ์แก่นิเวศสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่
จากนั้นร่วมกับผู้บริหารของ เพลาเพลิน เดอะเจอนีย์ บริการกิจกรรมชุมชนด้วยการฉายหนังกลางแปลง เรื่อง ‘’มหัศจรรย์เมล็ดพันธ์ุเหนือมิติ ‘’ความยาว 120นาที ในบริเวณ แคมปิ้งมาร์เก็ต ลานกลางหมู่ต้นจามจุรีใกล้อุทยานแห่งชาติ มรดกโลกแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
สำหรับองค์กรหรือสถาบันการศึกษา ตลอดจนชุมชนที่สนใจขอนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายเพื่อการเรียนรู้ สามารถติดต่อได้ผ่านกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กระทรวงวัฒนธรรม หรือติดต่อตรงที่ 092-271-2494 คุณพวงเพชร หัวหน้าโครงการภาพยนตร์เรื่องนี้
กิจกรรมการแถลงข่าวโครงการสร้างโรงพยาบาล นอร์ทเมด และศูนย์ผู้สูงอายุ นอร์ทวิลล์ ของมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
12 กุมภาพันธ์ 2567 แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ โรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผศ.ดร.สิทธิพร ประวัติรุ่งเรือง อธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ร่วมกิจกรรมการแถลงข่าวโครงการสร้างโรงพยาบาล นอร์ทเมด และศูนย์ผู้สูงอายุ นอร์ทวิลล์ ของมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ หลังจากที่มหาวิทยาลัยประสบความสำเร็จในการเปิดหลักสูตรคณะพยาบาลศาสตรบัณฑิต เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ในภาวะที่ประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว อีกทั้งประชากรโลกก็ก้าวสู่ภาวะตื่นตัวด้านสุขภาพและต้องการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างมาก มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ จึงลงทุนขยายงานเพิ่มจากภาคบริการการศึกษาที่เคยมีทั้งระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี โท เอก และหลักสูตรนานาชาติในสาขาต่างๆ และล่าสุดเปิดหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล (Practical Nursing) หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Elderly Care Giver Program) และได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากผู้ใช้งานบัณฑิต และจากนักศึกษามากมาย มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพจึงลงทุนก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลขนาดย่อม สำหรับผู้สูงอายุ และอาคารที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ผ่านการออกแบบติดตั้งระบบรองรับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับให้บริการ ซึ่งบัดนี้การก่อสร้างสำเร็จไปแล้วกว่า 80%
วันนี้ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ จึงจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อประกาศโครงการดังกล่าว พร้อมแนะนำทีมแพทย์บริหารและคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นอร์ทเมด และ นอร์ทวิลล์ เพื่อให้สังคมได้เห็นความพร้อมและครบวงจรของระบบ ที่ได้ตระเตรียมไว้
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า น่ายินดีที่สถาบันการศึกษาเอกชนที่มั่นคงได้ใช้ศักยภาพของตนเองเข้าร่วมให้บริการครบวงจรสำหรับผู้สูงอายุ ผู้สำเร็จการศึกษาที่มีทักษะ ครูอาจารย์ด้านการบริหาร การบริการ และการมีบุคลากรด้านภาษาต่างประเทศ ด้านช่างฝีมือและด้านคอมพิวเตอร์มายาวนานที่บัดนี้จะขยายไปสู่บริการทางด้านการแพทย์และบริการสุขภาพอีกแขนงหนึ่ง
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว รศ.นายแพทย์ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ให้เกียรติขึ้นกล่าวเสวนา เรื่อง ‘’แนวทางการดูแลผู้สูงวัย’’
โดยนายแพทย์ฉันชายชี้ว่า ในอดีตมนุษย์ให้ความสนใจเรื่องการมีอายุยืนยาว แต่ปัจจุบันมนุษย์เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ยืนยาวต่างหาก ซึ่งการจะบรรลุได้ ต้องอาศัยองค์ความรู้ การสะสม ฝึกฝนปฏิบัติต่อสุขภาพของตนเองให้ล่วงหน้ายาวนานไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงช่วงภาวะที่ต้องพึ่งพาผู้ช่วยดูแล ก่อนจะก้าวไปถึงจุดที่พร้อมจะจากชีวิตไปอย่างมีศักดิ์ศรี
อาคารก่อสร้างโรงพยาบาลนอร์ทเมด และอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นอร์ทวิลล์ ตั้งอยู่ที่ ถนนประชาชื่น ริมคลองประปา โดยการออกแบบและดูแลการก่อสร้างโดย สถาปนิกของ Building & Living Care Consulting Solution Business SCG และแบบก่อสร้างโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนี้ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศการออกแบบอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดี Project of the Year AGING -IN-PLACE รองรับผู้สูงอายุ จากเวทีรางวัลนวัตกรรมเพื่อผู้สูงวัยระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 8 ณ ประเทศสิงคโปร์ด้วย โดยภายในโครงสร้าง มีทั้งศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด ศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะกลาง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ คลินิกผู้สูงอายุ คลินิกกิจกรรมบำบัด ธาราบำบัดและโรงเรียนผู้สูงอายุเพื่อให้เป็นมาตรฐานใหม่ของการดูแล เชิงคุณภาพในรูปแบบเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล
ข่าวโครงการสร้างโรงพยาบาล นอร์ทเมด และศูนย์ผู้สูงอายุ นอร์ทวิลล์ ของมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
12 กุมภาพันธ์ 2567 แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ โรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผศ.ดร.สิทธิพร ประวัติรุ่งเรือง อธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ร่วมกิจกรรมการแถลงข่าวโครงการสร้างโรงพยาบาล นอร์ทเมด และศูนย์ผู้สูงอายุ นอร์ทวิลล์ ของมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ หลังจากที่มหาวิทยาลัยประสบความสำเร็จในการเปิดหลักสูตรคณะพยาบาลศาสตรบัณฑิต เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ในภาวะที่ประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว อีกทั้งประชากรโลกก็ก้าวสู่ภาวะตื่นตัวด้านสุขภาพและต้องการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างมาก มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ จึงลงทุนขยายงานเพิ่มจากภาคบริการการศึกษาที่เคยมีทั้งระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี โท เอก และหลักสูตรนานาชาติในสาขาต่างๆ และล่าสุดเปิดหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล (Practical Nursing) หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Elderly Care Giver Program) และได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากผู้ใช้งานบัณฑิต และจากนักศึกษามากมาย มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพจึงลงทุนก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลขนาดย่อม สำหรับผู้สูงอายุ และอาคารที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ผ่านการออกแบบติดตั้งระบบรองรับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับให้บริการ ซึ่งบัดนี้การก่อสร้างสำเร็จไปแล้วกว่า 80%
วันนี้ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ จึงจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อประกาศโครงการดังกล่าว พร้อมแนะนำทีมแพทย์บริหารและคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นอร์ทเมด และ นอร์ทวิลล์ เพื่อให้สังคมได้เห็นความพร้อมและครบวงจรของระบบ ที่ได้ตระเตรียมไว้
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า น่ายินดีที่สถาบันการศึกษาเอกชนที่มั่นคงได้ใช้ศักยภาพของตนเองเข้าร่วมให้บริการครบวงจรสำหรับผู้สูงอายุ ผู้สำเร็จการศึกษาที่มีทักษะ ครูอาจารย์ด้านการบริหาร การบริการ และการมีบุคลากรด้านภาษาต่างประเทศ ด้านช่างฝีมือและด้านคอมพิวเตอร์มายาวนานที่บัดนี้จะขยายไปสู่บริการทางด้านการแพทย์และบริการสุขภาพอีกแขนงหนึ่ง
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว รศ.นายแพทย์ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ให้เกียรติขึ้นกล่าวเสวนา เรื่อง ‘’แนวทางการดูแลผู้สูงวัย’’
โดยนายแพทย์ฉันชายชี้ว่า ในอดีตมนุษย์ให้ความสนใจเรื่องการมีอายุยืนยาว แต่ปัจจุบันมนุษย์เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ยืนยาวต่างหาก ซึ่งการจะบรรลุได้ ต้องอาศัยองค์ความรู้ การสะสม ฝึกฝนปฏิบัติต่อสุขภาพของตนเองให้ล่วงหน้ายาวนานไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงช่วงภาวะที่ต้องพึ่งพาผู้ช่วยดูแล ก่อนจะก้าวไปถึงจุดที่พร้อมจะจากชีวิตไปอย่างมีศักดิ์ศรี
อาคารก่อสร้างโรงพยาบาลนอร์ทเมด และอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นอร์ทวิลล์ ตั้งอยู่ที่ ถนนประชาชื่น ริมคลองประปา โดยการออกแบบและดูแลการก่อสร้างโดย สถาปนิกของ Building & Living Care Consulting Solution Business SCG และแบบก่อสร้างโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนี้ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศการออกแบบอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดี Project of the Year AGING -IN-PLACE รองรับผู้สูงอายุ จากเวทีรางวัลนวัตกรรมเพื่อผู้สูงวัยระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 8 ณ ประเทศสิงคโปร์ด้วย โดยภายในโครงสร้าง มีทั้งศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด ศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะกลาง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ คลินิกผู้สูงอายุ คลินิกกิจกรรมบำบัด ธาราบำบัดและโรงเรียนผู้สูงอายุเพื่อให้เป็นมาตรฐานใหม่ของการดูแล เชิงคุณภาพในรูปแบบเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล