ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
สานต่อเวที “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทย” ที่เชียงราย-พะเยา
สานต่อเวที “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทย” ที่เชียงราย-พะเยา เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศปลอดภัยจาก PM2.5 และน้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง
.
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จัดกิจกรรมต่อเนื่องภายใต้ชื่อ “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทย” ณ ห้องยูโทเปีย ชั้น 3 โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สำคัญของชาติด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 และน้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง”
.
ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงานและนำเสนอแนวทางการสนับสนุนการบูรณาการกลไก ววน. (วิจัย วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม) สู่การปฏิบัติในพื้นที่ โดยมีผู้ร่วมงานระดับนโยบายและภาคปฏิบัติจากทั้ง จังหวัดเชียงราย และ จังหวัดพะเยา อาทิ นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายภูธนะ ชมภูมิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา, ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. "ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5“และประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ, ผู้แทนจากหน่วยงานท้องถิ่น, นักวิจัย และภาคีเครือข่ายจากหลากหลายสถาบัน
.
ไฮไลต์ของงาน คือพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่น และภาควิชาการในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา เพื่อร่วมกันผลักดันแผนงานวิจัยในประเด็นสิ่งแวดล้อม พร้อมจัดเวที เสวนาแลกเปลี่ยนความเห็น หัวข้อ “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 และน้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น เช่น ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญ
ตามยุทธศาสตร์ ววน. "ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5“และประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ, นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, นายสุรสิทธิ ปุสุรินทร์ ประธานสภาลมหายใจจังหวัดเชียงราย, และนายนัฐนที ศรีวิราช รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา
.
นอกจากนั้น แผนงานวิจัย “การลดไฟในป่า: กรณีศึกษาอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ–ปุย” โดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการ เพื่อเผยแพร่แนวทางการวิจัยที่มุ่งลดปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน PM2.5 อย่างเป็นระบบ ผ่านการบูรณาการ ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) การวิเคราะห์เชิงพื้นที่ และการขับเคลื่อน นโยบายและการสื่อสารเชิงรุกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
โดยมีผศ.ดร.ว่าน วิริยา หัวหน้าโครงการสร้างความร่วมมือและเครือข่ายการสื่อสารภาคประชาชน เพื่อพัฒนาการจัดการปัญหา PM2.5 ในระดับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน เป็นตัวแทนในการนำเสนอผลงานวิจัยและแนวทางดำเนินงานต่อผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้
.
กิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างความร่วมมืออย่างบูรณาการระหว่างนักวิจัย ภาคนโยบาย และภาคประชาชน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทยในมิติด้านคุณภาพอากาศและทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝน
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระกุศล
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระกุศลแด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม 2568) เวลา 9.00 น. ณ ห้องโสมกิติยาภา สำนักงานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ แด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 13 กรกฎาคม 2568 โดยมี คณะกรรมการ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เข้าร่วมพิธีฯ
พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ในวันนี้ประกอบพิธีโดยคณะสงฆ์ รวม 10 รูป จาก 10 วัด นำโดย สมเด็จพระธีรญาณมุนี
เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ ได้แก่ สมเด็จมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิตรฯ / พระพรหมวชิรากร วัดราชผาติการามวรวิหาร / พระพรหมวัชรสุทธาจารย์ วัดอาวุธวิกสิตาราม / พระพรหมวชิรมุนี (เชิด จิตฺตคุตฺโต) วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร / พระธรรมวชิราจารย์ วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร / พระเทพวชิรสุนทร วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก / พระราชมหาเจติยาภิบาล วัดอรุณราชวราราม / พระราชวชิรธรรมเมธี วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และพระราชวชิราภินันท์ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
ทั้งนี้คณะสงฆ์ร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศลแด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ
“มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย” เป็นองค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไร จัดตั้งตามพระดำริของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และมี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเชื่อมโยงให้ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมกันเกื้อหนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามทุกข์ยากจากอุทกภัยและภัยพิบัติที่รุนแรง คือการร่วมกัน ระดมองค์ความรู้ นวัตกรรม กำลังแรงกาย ทุนทรัพย์ และ จิตสาธารณะเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างครบวงจร รวมทั้ง การพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ผู้ทุกข์ยากน้อยกว่าช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากมากกว่า ผู้ที่แข็งแรงช่วยผู้อ่อนแอ โดยมุ่งเน้นการประทังชีวิตและ การฟื้นฟูสภาพจิตใจ มูลนิธิฯ ตลอดระยะเวลา 30 ปี มูลนิธิฯปฏิบัติงานและยึดหลักภายใต้แนวคิด “แบ่งปัน พอเพียง ยั่งยืน
เมื่อเกิดเหตุอุทกภัยหรือภัยพิบัติต่าง ๆ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ โปรดให้มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) สภากาชาดไทย จัดตั้ง “โรงครัวพระราชทาน” ประกอบอาหารปรุงสุกสำเร็จและเชิญ “ถุงยังชีพพระราชทาน” มอบให้แก่ผู้ประสบภัยเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจในช่วงอุทกภัย ทั้งนี้พระองค์จะเสด็จไปยังพื้นที่ประสบภัย ทรงประกอบอาหารและประทานถุงยังชีพฯ แก่ผู้ประสบภัยด้วยพระองค์เองหากไม่ติดภารกิจใด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ประชาชน ต่อให้เส้นทางยากลำบากขนาดไหนก็ทรงไม่ย่อท้อ แม้มิได้เสด็จไปเยี่ยมผู้ประสบภัย หรือประทานถุงยังชีพฯ ด้วยพระองค์เองได้ หากแต่ยังคงมีรับสั่งให้กรรมการและเจ้าหน้าที่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทยเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างทันท่วงที ให้คลายความลำบากโดยเร็ว นอกจากนี้ถุงยังชีพพระราชทานและการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานก็จะต้องเป็นของที่ดีที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบภัย ดังพระดำรัส
“...ของที่บรรจุในถุงยังชีพพระราชทานนั้นเกินจำนวนที่จัดได้ แต่ห้ามขาด...”
บรรยายที่ โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมยุทธศึกษา ทหารบก
วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568 0900 - 1200 ที่ โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมยุทธศึกษา ทหารบก มีการอบรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 31 หัวข้อ "โลกร้อนมาก แล้วใครควรทำอย่างไร" ผู้บรรยาย คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรมต.ว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
บรรยายพิเศษให้นางงามฟังก่อนไปปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก
เวทีถอดบทเรียนเตรียมยกระดับรับมือ PM2.5 ยั่งยืน
กรมอุทยานฯชูผลงานเด่น 'Hotspot' ไฟป่าลดฮวบ 40% จัดเวทีถอดบทเรียนเตรียมยกระดับรับมือ PM2.5 ยั่งยืน
วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 15.45 น.
กรมอุทยานฯ เปิดเวทีถอดบทเรียนไฟป่า PM2.5 ชูมาตรการลด Hotspot ได้กว่า 40.66% ตามนโยบาย รมว.ทส บูรณาการจัดการไฟป่า 14 กลุ่มป่า
วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาการถอดบทเรียน (After Action Review : AAR) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อประเมินผลและยกระดับมาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง โดยมีนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า พร้อมด้วยนายมานัส ปานมน ผู้อำนวยการสำนักแผนงานและสารสนเทศ นายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ รวมถึงนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 120 คน เข้าร่วม
นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสัมมนาครั้งนี้ว่า สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และ PM2.5 ไม่เพียงแต่ทำลายระบบนิเวศป่าไม้โดยตรง แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตประชาชน ไฟป่าเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าไม้โดยตรง ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัยของประชาชน และภาคการท่องเที่ยวอันเป็นแหล่งพัฒนาทางเศรษฐกิจของชุมชนและประเทศ
กรมอุทยานฯ ได้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตามกรอบนโยบายรัฐบาลและนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการไฟป่าแบบกลุ่มป่า จำนวน 14 กลุ่มป่า (Cluster) เพื่อบูรณาการหน่วยงานทั้งหมดร่วมกันปฏิบัติงานแบบไร้รอยต่อ ทำงานแบบบูรณาการในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (Single Comman Hot กลยุทธ์หลักที่ใช้ ได้แก่ “การตรึงพื้นที่” ในป่าอนุรักษ์
โดยการจัดตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่าและการลาดตระเวนตรวจหาไฟเพื่อเข้าถึงและดับไฟให้ไวที่สุด การประชาสัมพันธ์เชิงรุกเคาะประตูบ้าน และการจัดการเชื้อเพลิงในช่วงเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในงานควบคุมไฟป่า ทั้งในด้านการวางแผนการปฏิบัติงาน การติดตามผล การแจ้งเตือนภัย และการทำนายสถานการณ์ล่วงหน้า
ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน และหน่วยงานภาครัฐ ปกครอง ทหาร ภาคีเครือข่าย อาสาสมัครหน่วยงานบูรณาการสนับสนุนด้านการป้องกันไฟป่าและประชาชนทุกท่านที่สนับสนุนการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่อนุรักษ์จนสามารถบรรลุเป้าหมายการลดพื้นที่เผาไหม้ลงร้อยละ 25 จากปี 2567 ตามนโยบายที่กำหนดไว้
ด้านนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เปิดเผยว่า การสัมมนาถอดโครงการสัมมนาการถอดบทเรียน (After Action Review : AAR) ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จัดขึ้นตลอดทั้งวัน มีผู้เข้าร่วม 120 คน เป็นข้าราชการสังกัดกรมอุทยานฯ ที่ปฏิบัติราชการเกี่ยวข้องกับการควบคุมไฟป่า
จากการดำเนินงานตามมาตรการต่างๆ ในปี 2568 ผลที่ได้รับคือ ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์มีจุดความร้อน (Hotspot) ลดลง 40.62% โดยมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่สามารถลดจำนวนจุดความร้อนได้มากกว่า 50-80% จำนวน 36 แห่ง และป่าอนุรักษ์ที่สามารถลดจำนวนจุดความร้อนได้มากกว่า 80% จำนวน 31 แห่ง พร้อมหน่วยงานร่วมบูรณาการป้องกันไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสิ้น 758 แห่ง
การสัมมนาครั้งนี้จัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “ความร่วมมือในอนาคตในการป้องกันและควบคุมไฟป่าร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โดยนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ, ดร.เจน ชาญณรงค์ รองประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ, ผศ.ดร.กอบศักดิ์ วันธงไชย อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายพีรวิทย์ พงษ์สุรชีวิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, นายภาสกร นาชัยเวียง กรมป่าไม้ เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้องในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายหัวข้อ “จิตเวชกับคนเผาป่า” และการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็น เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในช่วงปีที่ผ่านมา และถอดบทเรียนการดำเนินงานร่วมกันเพื่อนำไปปรับใช้เป็นแนวทางในการยกระดับภารกิจการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ของแต่ละหน่วยงานในปีถัดไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มั่นใจว่าการสัมมนาครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป