บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ "การใช้ข้อมูลในการสร้างอนาคตสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน"
27 พฤษภาคม 2568 ที่ห้องอิเทอนิตี้บอลรูม โรงแรมพูลแมน คิงส์เพาเวอร์ กรุงเทพฯ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ศ.พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง นายกุลิศ สมบัติศิริประธานกรรมการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ และรศ.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ร่วมกันทำพิธีเปิดงานในโอกาสที่สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่(องค์การมหาชน) หรือ Big Data Institute จัดงาน BDI Day เป็นปีที่2 ภายใต้ธีม "Next Move for Big Data and AI
โดยในการนี้มี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ อดีตสมาชิกรัฐสภา ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ "การใช้ข้อมูลในการสร้างอนาคตสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน"
โดยนายวีระศักดิ์ชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการพัฒนา AI ที่เกิดโดยมี Data Analytics จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใจสาเหตุและพฤติกรรมของมลพิษทางอากาศจากแหล่งข้อมูลต่างๆทั้งในเเละระหว่างประเทศมาประมวลและฝึกให้เกิด Large Language Model ที่มีระบบ Machine Learning สำหรับทำหน้าที่เป็น Mr.ฝุ่น ที่เสมือนผู้ช่วยให้คำแนะนำ วางแผน และส่งผลรายงานของ ผู้บริหารท้องถิ่น นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด เกษตรตำบล เกษตรอำภอ เกษตรจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ขนส่งจังหวัด พลังงานจังหวัด สภาลมหายใจจังหวัด ผู้นำชุมชนต่างๆในการใช้ประโยชน์ที่แยกกันตามเขตภูมิศาสตร์อากาศ ( Air Shed) และแยกตามช่วงเวลา ตามทิศทางลม และแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศทั้งจากภาคป่าไม้ เกษตร ขนส่ง อุตสาหกรรม พลังงาน และมลพิษข้ามแดน ในช่วงต่างๆได้ล่วงหน้าได้ตลอดเวลาตลอดปี เพื่อให้สูตรการทำงาน1-8-3ของแต่ละเขตภูมิศาสตร์อากาศ สามารถป้องกันและรับมือกับมลพิษทางอากาศที่ซับซ้อนและอ่อนไหวต่อสุขภาวะ และเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมได้ คือ ถอดบทเรียนหลังจบฤดูฝุ่นใน 1 เดือน เพื่อออกแบบปรับปรุงวิธีทำงานเพื่อลดความเสี่ยงจากมลพิษทางอากาศไปตลอด8เดือนต่อมาก่อนที่ฝุ่นจะขึ้นสู่ท้องฟ้าในช่วง3เดือนที่มักมีวิกฤตคุณภาพอากาศแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้นอกจากหลบเลี่ยงเข้าสู่ห้องปลอดฝุ่น ซึ่งก่อความเสียหายต่อทั้งสุขภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมรุนแรง
โดยนายวีระศักดิ์ชี้ว่า AI ที่ค่อยๆถูกฝึกให้แม่นยำขึ้น สามารถพัฒนาขึ้นได้ และจะช่วยให้ผู้บริหารระดับต่างๆตัดสินใจทำกิจกรรม วางแผนงบประมาณ วางกำลังคน วางจังหวะเวลาดำเนินกิจกรรมป้องกันการเผาที่มีเหตุผลละเอียดรอบด้านครบถ้วน เปิดเผย ตรวจติดตามได้จากทุกฝ่าย อีกทั้งยังสามารถให้AI ปรับปรุงระบบประมวลและประเมินผลการวิเคราะห์ได้เองสม่ำเสมอ ด้วยระบบ Machine Learning ซึ่งจะทำให้ไทยก้าวข้ามอุปสรรคของระบบต่างหน่วยต่างพื้นที่จัดการไปอย่างไม่มีคำว่าล้ำเขต ไม่คำว่าเสียหน้า และAI จะจดจำข้อผิดพลาดได้โดยไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ไม่มีเหตุผลทางการเมืองในการให้คำแนะนำการตัดสินใจหรือไม่ตัดสินใจดำเนินการ
เพราะมลพิษทางอากาศกระจายตัวข้ามทุกเขตการปกครอง กระทบผู้คนและระบบนิเวศขนาดใหญ่ อย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ยาวมาก
ดังนั้น ระบบที่เปิดเผย ต่อเนื่อง และมุ่งสร้างความเป็นธรรม โดยใช้เทคโนโลยี จึงเป็นไปได้ที่จะให้ความสำเร็จที่ยั่งยืนกว่า หวังผลทั้งระดับท้องถิ่นและภูมิภาคได้มากกว่าแต่ธำรงเป้าหมายร่วมกัน ไม่ชี้นิ้วใส่กัน
"..เพราะเทคโนโลยีที่ผสมระหว่าง AI และ Big Data เท่านั้นที่จะส่งให้เราสามารถสู้ฝุ่นได้ด้วยข้อมูลความรู้ ความเท่าทัน และตระหนักได้เสมอว่า เราต่างใช้ลมหายใจเดียวกัน.."นายวีระศักดิ์กล่าว
จากนั้น ดร.พีระดล สามะศิริ ผู้จัดการโครงการและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลอาวุโสของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ได้ขึ้นนำเสนอความก้าวหน้าของโครงการ Envi Link ที่ได้เริ่มทำระบบประมวลติดตามชุดข้อมูลเรื่องฝุ่นมาในช่วงปีเศษที่ผ่านมาว่าช่วยให้สามารถติดตามหรือคาดการณ์ฝุ่นล่วงหน้าได้อย่างไร และเตรียมขยายผลต่อในช่วงปีต่อไปอย่างไร เพื่อให้เชื่อมกับสาระในร่างกฏหมายอากาศที่น่าจะคลอดผ่านรัฐสภาออกมาในปีนี้หรือปีหน้าได้ต่อไป