ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org

เว็บไซต์วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
มีความมุ่งมั่นเเละตั้งใจในการเผยแพร่เรื่องราวความรู้ความเข้าใจในการสร้างสรรค์สังคมด้วย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจสังคมกฎหมายและการปกครอง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป
มองโลก มองความยั่งยืน
จบปริญญาโท กฎหมายสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด อดีตสมาชิกในบ้านพิษณุโลกมาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีประสบการณ์พัฒนานโยบายสาธารณะมาต่อเนื่อง เป็นนักกฎหมายที่เชื่อมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ผู้ที่มีความมุ่งมั่นเเละมีอุดมการณ์ในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความเท่าเทียม การพัฒนาประเทศไทยให้มีความทันสมัย เจริญเติบโตควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย

เชิญถุงยังชีพพระราชทานช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดเพชรบูรณ์

วันนี้ (18 ก.ย. 2568) เวลา 8.00 น. ที่หอประชุมที่ว่าการอําเภอพิชัย ถนนไชยบำรุง ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดตั้งตามพระดำริของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ องค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เชิญถุงยังชีพพระราชทานมอบให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เลขาธิการมูลนิธิฯ นางนฤมล ล้อมทอง รองเหรัญญิกมูลนิธิฯ นายเอสนะ ชินชำนาญ ผู้อำนวยการกองงานในพระองค์พระเจ้าวรวงศ์เธอฯ กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมด้วย นายพชรเสฏฐ์ บุญศิริสาริศา รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายอำเภอพิชัย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมในพิธีเชิญถุงยังชีพพระราชทานถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 75 รูป และมอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอพิชัย อำเภอทองแสนขัน และอำเภอตรอน จำนวน 1,900 ถุง

โดยจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุโซนร้อน "หนองฟ้า" เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม - ถึงวันที่ 1 กันยายน 2568 ส่งผลให้มีฝนตกหนัก และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำปาไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ในพื้นที่อำเภอพิชัย อำเภอทองแสนขัน และอำเภอตรอน รวม 3 อำเภอ 20 ตำบล 1,522 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,197 ครัวเรือน

และในวันเดียวกัน เวลา 10.30 น. ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอหล่มสัก ตำบลหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เชิญถุงยังชีพพระราชทาน มอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานในพิธีรับมอบถุงยังชีพพระราชทาน พร้อมด้วย นายอำเภอหล่มสัก หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา และประชาชน เข้าร่วมพิธี ถวายถุงยังชีพพระราชทานแด่พระภิกษุ จำนวน 350 ถุง และมอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 7,000 ถุง ให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย เนื่องจากอิทธิพลของพายุ “หนองฟ้า” ส่งผลให้คืนวันที่ 30 สิงหาคม 2568      เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก จากลำห้วยสะดวงใหญ่ ตำบลท่าอิบุญ และมวลน้ำจำนวนมากจากตำบลตาดกลอย อำเภอหล่มเก่า ไหลลงมาสบทบทำให้น้ำในแม่น้ำป่าสักไหลเอ่อล้นตลิ่งตลอดเส้นทาง เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการ วัด ถนน และพื้นที่การเกษตร ในหลายตำบลของอำเภอหล่มสัก รวมทั้งสิ้น 19 ตำบล 137 หมู่บ้าน 11 ชุมชน 12,466 ครัวเรือน ผู้ประสบภัย 28,098 ราย

"มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย” เป็นองค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไร จัดตั้งตามพระดำริของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งเป็นนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และมี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นประธานกรรมการ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเชื่อมโยงให้ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมกันเกื้อหนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามทุกข์ยากจากอุทกภัยและภัยพิบัติที่รุนแรง คือการร่วมกัน ระดมองค์ความรู้ นวัตกรรม กำลังแรงกาย ทุนทรัพย์ และ จิตสาธารณะเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างครบวงจร รวมทั้ง การพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ผู้ทุกข์ยากน้อยกว่าช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากมากกว่า ผู้ที่แข็งแรงช่วยผู้อ่อนแอ โดยมุ่งเน้นการประทังชีวิตและการฟื้นฟูสภาพจิตใจ 

ตลอดระยะเวลา 30 ปี มูลนิธิฯ ปฏิบัติงานและยึดหลักภายใต้แนวคิด “แบ่งปัน พอเพียง ยั่งยืน“